บลจ. พรินซิเพิล เพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ) เป็น 10,000 ล้านบาท จากเดิม 5,000 ล้านบาท มีผลวันที่ 14 ก.ย.64 ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่แสดงความสนใจเป็นจำนวนมาก หลังโชว์ผลการดำเนินงานช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามทั้งหมด (Source : Morning Star ณ วันที่ 31 ส.ค.64) ให้ผลตอบแทน 43.33% และ 1 ปีที่ 77.32% (Benchmark: 47.67% และ 84.31% Source : Bloomberg ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2564) แนะเป็นจังหวะทยอยลงทุนแบบสะสมในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐาน เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่งจากการลงทุนโดยตรงของชาวต่างชาติก้าวสู่ฮับการผลิตของโลก
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ) ในปี 60 ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนเด่นที่ให้อัตราผลตอบแทนโดดเด่นและได้ความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยได้รับประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนโดยตรงของต่างชาติเพื่อขยายฐานการผลิตในประเทศเวียดนามที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ล่าสุด บลจ.พรินซิเพิล จึงขออนุมัติต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนเปิดดังกล่าวเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากเดิม 5 พันล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.64 เป็นต้นไป เพื่อขยายขนาดกองทุนฯ ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น สามารถลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ที่จะได้ประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านกองทุนเปิด เปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ให้อัตราผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มกองทุนที่ลงทุนเวียดนามในรอบ 8 เดือนแรกของปี 64 โดยนับจากวันที่ 1 ม.ค.-31 ส.ค.64 ให้อัตราผลตอบแทน 43.33% เทียบกับดัชนีชี้วัดที่ให้อัตราผลตอบแทน 47.67% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้อัตราผลตอบแทน 77.32% สูงสุดในกลุ่มกองทุนเวียดนามเช่นเดียวกัน และสูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ให้ผลตอบแทน 84.31% (Source Bloomberg ณ วันที่ 31 ส.ค.64)
ปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีที่จะทยอยลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามที่อยู่ในช่วงการปรับฐาน จากความกังวลตัวเลขอัตราผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ อย่างไรก็ตามประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามมีความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตสูง จากการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) จำนวนมากจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต ส่งผลให้เวียดนามกำลังยกระดับจากประเทศเกษตรกรรมสู่ ?ฮับด้านการผลิตของโลก? และการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมืองหรือ Urbanization จากรายได้ประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวและกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในภูมิภาคนี้
ขณะที่ การฉีดวัคซีนเป็นประเด็นเร่งด่วน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้าย โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่ประชาชนถึง 50% ภายในสิ้นปีนี้ และ 70% ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมทั้งได้จัดหาวัคซีนรองรับจำนวน 100 ล้านโดส ซึ่งจะส่งผลดีต่อการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19