(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกปัญหาสินเชื่อ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 211.10 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 22, 2007 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องปัญหาในตลาดสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ โดยนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นก่อนที่จะถึงวันหยุดในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving)
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 211.10 จุด หรือ 1.62% แตะระดับ 12,799.04 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 22.93 จุด หรือ 1.59% แตะระดับ 1,416.77 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 34.66 จุด หรือ 1.33% แตะระดับ 2,562.15 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.61 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.05 พันล้านหุ้น
นายนีล เฮนเนสซี ประธานบริษัทเฮนเนสซี ฟันด์ แสดงความคิดเห็นว่า "ความกังวลเรื่องภาวะเศษฐกิจได้ดึงนักลงทุนออกจากตลาดหุ้นและหันไปซื้อขายในตลาดพันธบัตรสหรัฐ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ยังคงส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของนักลงทุนได้แก่ แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชน ภาวะถดถอยในตลาดสินเชื่อ และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล"
"นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มตลาดสินเชื่อนับตั้งแต่ เฟรดดี แม็ค ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) เปิดเผยยอดขาดทุนสุทธิ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาส 3 เพราะได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่ลดลง และหนี้เสียที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก" เฮนเนสซีกล่าว
สมาคมผู้ประกอบการธนาคารปล่อยกู้จำนองเปิดเผยว่า ตัวเลขการยื่นขอกู้จำนองในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงอย่างหนักถึง 3.6% ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส รายงานว่า สัญญาณขั้นต้นบ่งชี้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐได้รับผลกระทบจากการที่สถาบันการเงินลังเลที่จะปล่อยกู้ และคาดว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีก
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงอีกเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2551 โดยคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 1.8-2.5% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.5-2.75% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เฟดปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้มาจากภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและปัญหาในตลาดซับไพรม์ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอเกินคาด และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.8-4.9% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.75% นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหารลงสู่ระดับ 1.7-1.9% ในปี 2551 จากเดิมซึ่งคาดไว้ที่ 1.75-2.0% ส่วนดัชนีซีพีไอทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 1.8-2.1% ในปีหน้า
ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 2.1% หุ้นเจพีมอร์แกนร่วงลง 2.3% ส่วนหุ้นเฟดดี แมค ร่วงลง 2.8% และหุ้นคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียลดิ่งลง 8.4% อย่างไรก็ตาม หุ้นแฟนนี เม ดีดขึ้น 3.5%
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส ทะยานขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ 26.39 ดอลลาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ