นายวิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปี 64 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 800 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอย่างแน่นอน โดยครึ่งปีแรกของปี 64 บริษัทฯ มีรายได้แล้วที่ 301.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.12 ล้านบาท จากปี 63 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 561.43 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 92.94 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามการกลับมาดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ (B1) หลังจากที่ผ่านมาประสบปัญหา ลูกค้าให้บริษัทเลื่อนการเข้าทำงานในพื้นที่ที่มีการระบาดสูง รวมทั้งได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง ทำให้การเข้าปฏิบัติงานบางส่วนต้องหยุดหรือชะลอออกไป อย่างไรก็ตามคาดว่าจะกลับมาเริ่มดำเนินการได้ และรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังนี้, ส่วนกลุ่มธุรกิจเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ก็คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หากมาตรการเปิดเมืองผ่านไปได้ด้วยนี้ ก็เชื่อว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการของ FVC ให้เติบโตขึ้น โดยทั้งธุรกิจ B1, B2 บริษัทฯ ยังคงมองการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือโซลูชั่นใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองตลาด ทั้งตลาดอุตสาหกรรมและ commercial
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจหน่วยไตเทียมและบริการทางการแพทย์ (B3) บริษัทฯ ได้เพิ่มหน่วยไตเทียมไปแล้ว 2-5 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามแผน และปี 65 มีแผนเพิ่มอีก 2-5 แห่ง
นายวิจิตร กล่าวถึงแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 65-67) ในกลุ่ม B1 บริษัทฯ ยังวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 150-200 ล้านบาท ในปี 67 ขณะที่ปี 64 คาดมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 170 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายจะมาจากการซื้อมาขายไปประมาณ 80% และจะมาจากการรับจ้างผลิต (OEM) ประมาณ 20% ขณะเดียวกันจะสร้างคลังสินค้าอัจฉริยะ ด้วยการนำระบบของ SAP มาใช้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
กลุ่ม B2 บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 300-500 ล้านบาท ในปี 67 จากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว ด้วยการใช้ Digital Platform ซึ่งจะสามารถดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการกับ FVC มากขึ้น ขณะเดียวกันจะสร้างคลังสินค้าอัจฉริยะ ด้วยการนำระบบของ SAP มาใช้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
ขณะที่กลุ่ม B3 ยังคงเป้าหมาย spin-off บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด (KTMS) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 65 และในปี 67 คาด Operate เครื่องไตเทียมไม่น้อยกว่า 400 เครื่อง