นายวีระพันธ์ พลูเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)เปิดเผยว่า ในปี 51 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% เป็น 3.7-4.0 พันล้านบาท จากปี 50 ที่วางเป้าหมายไว้ในระดับ 3.3-3.4 พันล้านบาท มาจากรายได้จากค่าเช่าโรงงานและยอดขายโรงงาน
ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 870 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรจากขายสินทรัพย์ให้กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จำนวนรวม 950 ล้นบาท โดยในไตรมาส 4/50 จะบันทึกกำไรจำนวน 650 ล้านบาท และยังมีกำไรจากการให้ขายโรงงาน 5-6 แห่ง เป็นเงิน 150-200 ล้านบาท
สำหรับงบลงทุนในปีหน้า บริษัทได้ตั้งงบไว้ 3.1 พันล้านบาท เพื่อนำไปสร้างโรงงาน 2.1-2.2 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะสร้างคลังสินค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินกู้ และหุ้นกู้จำนวน 2 พันล้านบาท
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน(TFUND) อีก 2 พันล้านบาทจากปัจจุบันที่มีขนาด 5.7 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายในช่วงไตรมาส 3-4/51 จากเดิมมีแผนจะเสนอขายในไตรมาส 2/51 เนื่องจากความล่าช้าของการขยายกองทุนครั้งที่แล้วเลื่อนออกมาจากที่จะเสนอขายในไตรมาส 3/50 ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ที่กำหนดให้ระดมทุนใหม่ได้ต่อเมื่อครบ 1 ปีแล้ว
ส่วนสินทรัพย์ที่จะเข้าไปในกองทุน TFUND เพิ่มเติม ะเป็นโรงงานจำนวน 50 แห่ง ที่เป็นไปตามแผนที่บริษัทกำหนดไว้ แต่ในปีนี้จะมีการเพิ่มธุรกิจโลจิสติกส์เข้าไปใน TFUND เพิ่มเติม ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่มีขนาดประมาณ 5-6 หมื่นตร.ม. โดยบริษัทคาดว่าธุรกิจโลจิสติกส์จะสร้างรายได้ให้กับบริษัท 20% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ สัดส่วนสินทรัพย์ใน TFUND ในปี 51 จะแบ่งเป็นโรงงาน 80% และ 20% เป็นคลังสินค้า โดยสิ้นปีนี้ TICON จะเข้าไปถือกองทุน TFUND ในสัดส่วน 20% จาก 19.5% ในขณะนี้
นอกจากนี้ บริษัทจะหาโอกาสในการเข้าไปซื้อโรงงานเก่าเพื่อมาให้เช่ามากขึ้น เพราะมีต้นทุนถูกกว่าการสร้างโรงงานใหม่ และกำไรขั้นต้นก็ได้ใกล้เคียงกัน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--