ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบตามตลาดเอเชีย กังวลปัญหาอสังหาฯในจีน-ประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 20, 2021 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มดัชนีเช้านี้ทั้งตลาดหุ้นไทยและตลาดเอเชียเคลื่อนไหวกรอบแคบหลังมีปัจจัยความไม่แน่นอนหลายอย่างในสัปดาห์นี้ อย่างเช่นแรงกดดันจากกฎระเบียบกำกับดูแลของธุรกิจในประเทศจีน อาจจะไม่ได้เข้าไปช่วยอุ้มบริษัทอสังหาฯแบบ 100% ส่วนความเสียหายต่อสถาบันการเงินต่างๆ อาจจะให้สถาบันการเงินรับรู้ตามจริง และเข้าช่วยเหลือแค่บางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ คาดว่าจะการปรับลด QE ในการประชุมเฟดแต่ต้องดูว่าจะมีวงเงินปรับลดอย่างไรที่จะกำหนดทิศทางตลาดในระยะต่อไป รวมไปถึงความไม่แน่นอนการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลในสหรัฐ ดังนั้น Fund Flow ในฝั่งเอเชียส่วนใหญ่จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินสหรัฐฯที่แข็งค่า กระทบกับหุ้นใหญ่ แต่หุ้นขนาดกลาง-เล็กก็ยังมีแรงเก็งกำไร พร้อมให้แนวรับที่ 1,615-1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยเช้านี้และเอเชียจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยปัจจัยที่จะเข้ามารบกวนตลาดมาจากความไม่แน่นอนหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ไม่ว่าจะเป็น แรงกดดันจากกฎระเบียบกำกับดูแลของธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางการแก้ปัญหาในภาคอสังหาฯของจีนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

เนื่องจากนโยบายจีนในช่วงหลังพยายามจะพูดถึงการลดความเหลื่อมล้ำและการกระจายความมั่งคั่ง เพราะฉะนั้นแปลว่า อาจจะไม่ได้เข้าไปช่วยอุ้มบริษัทอสังหาฯแบบ 100% อาจจะไปช่วยแค่เฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรายย่อย และทางด้านความเสียหายต่อสถาบันการเงินต่างๆ อาจจะให้สถาบันการเงินรับรู้ตามจริง และเข้าช่วยเหลือแค่บางส่วนเท่านั้น ดังนั้นต้องจับตาดูลักษณะความช่วยเหลือว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ก็คงส่งผลต่อตลาดในระยะสั้นทำให้มีแรงกระเพื่อมเล็กน้อย

และอีกปัจจัยสำคัญคือตัวเลขการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (เฟด) ที่คาดว่าน่าจะเห็นการส่งสัญญาณลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)อย่างแน่นอน เพียงแต่ตัวเลขที่ออกมาจะเป็นตัวกำหนดตลาดว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะถ้าหากแผนปรับลดวงเงิน QE มีลักษณะทยอยลดลงประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภาพก็จะเป็นบวก เพราะใช้เวลาอีกมากกว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจจะราว 8 เดือน ? 1 ปี

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ และการเข้าใกล้เส้นตายของเพดานหนี้สหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งทิศทาง Fund Flow ในฝั่งเอเชียส่วนใหญ่จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินสหรัฐฯ จะเห็นว่าในระยะสั้นค่าเงินสหรัฐฯแข็งค่าขึ้น รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ(Bond Yield)ก็ขยับขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นตลาดเหมือนจะเพิ่มการระมัดระวังมากขึ้น จึงอยากให้นักลงทุนระมัดระวังความผันผวนระยะสั้น

ฉะนั้น Fund Flow เคลื่อนไหวในทิศทางดังกล่าวอาจจะกระทบในหุ้นขนาดใหญ่ แต่การเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ก็จะไม่ค่อยมีผล จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลาง-เล็กหลายตัวเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปาล์ม / อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เช่น พวกไม้อัด จะเริ่มเห็นหุ้นที่ขึ้นนำและหุ้นตัวอื่นที่เริ่มทยอยตามขึ้นมา นักลงทุนอาจจะลองไปเล็งว่าตัวไหนยังขึ้นน้อยกว่าและน่าจะมีโอกาสตามกลุ่มที่เป็นผู้นำขึ้นมาได้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมปาล์ม รอบนี้เห็น VPO ขึ้นมาหนัก ก็จะเริ่มเห็นตัวอื่นที่ยัง Laggard อยู่ เช่น UVAN หรือ UPOIC ทางด้านอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง อย่าง VNG ที่นำขึ้นมา ตัวที่ตามอยู่อย่าง SKN ก็อาจจะเป็นตัวที่น่าสนใจในเรื่องของการเก็งกำไร

พร้อมให้แนวรับที่ 1,615-1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ