นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า SCGP ใช้กลยุทธ์สร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง เริ่มตั้งแต่ในปี 2552 บริษัทฯ ได้ลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แห่งแรกทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ด้วยการสร้างฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ใน Vina Kraft Paper Company Limited (VKPC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ที่สัดส่วนร้อยละ 70:30 ตามลำดับ ในจังหวัดบิ่นห์เยือง นครโฮจิมินห์ และในปี 2559 VKPC ได้ขยายกำลังการผลิตในพื้นที่เดียวกัน เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นในภูมิภาค
นอกจากนี้ SCGP ยังได้ขยายธุรกิจด้วยการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศเวียดนาม ได้แก่ กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ฯลฯ
ประเทศเวียดนามมีการบริโภคภายในประเทศที่สูง และเป็นฐานการส่งออกสำคัญของภูมิภาค ส่งผลให้บรรษัทข้ามชาติหลายรายเข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งคาดว่าความต้องการกระดาษบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องประเภทอื่น ๆ ในประเทศเวียดนามจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 - 7 ต่อปีในช่วงปี 2564 - 2567 (ข้อมูลจาก Frost & Sullivan)
เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศเวียดนาม และสามารถตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น SCGP จึงเดินหน้าขยายธุรกิจผ่าน Vina Kraft Paper Company Limited ด้วยการลงทุนสร้างคอมเพล็กซ์แห่งใหม่ ที่ Vinh Phuc ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามพร้อมกับสร้างฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่มีกำลังผลิตประมาณ 370,000 ตันต่อปี ภายในคอมเพล็กซ์แห่งนี้ โดยมีงบลงทุนทั้งหมดประมาณ 8,133,000 ล้านดอง (ประมาณ 11,793 ล้านบาท) ที่รวมค่าเครื่องจักร ค่าใช้จ่ายทางการเงิน งานโยธา เงินทุนหมุนเวียนสำหรับการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ที่ดิน ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ
ทั้งนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และคาดว่าการลงทุนนี้จะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตในช่วงต้นปี 2567 และทำให้ VKPC มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 870,000 ตันต่อปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันต่อไปในอนาคต
"SCGP ได้ขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายสูงกว่า 15,000 ล้านบาท เมื่ออ้างอิงจากประมาณการงบการเงิน (Pro-forma) ปี 2564 (รวมรายได้หลังการเข้าซื้อกิจการ Merger and Partnership : M&P ที่ได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ด้วยแนวคิดการขยายธุรกิจแบบบูรณาการ โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตหลักตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม การลงทุนสร้างคอมเพล็กซ์ฐานผลิตใหม่ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตในตลาดตอนเหนือของประเทศเวียดนามและตอนใต้ของประเทศจีน เสริมการผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งระหว่างธุรกิจของ SCGP ในด้านประสิทธิภาพการผลิตและการพัฒนาโซลูชันด้านบรรุภัณฑ์แบบครบวงจรให้ดียิ่งขึ้น และพร้อมรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้" นายวิชาญ กล่าว