นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า การลงทุนสร้างฐานการผลิตใหม่ของ Vina Kraft Paper Company Limited (VKPC) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด Vinh Phuc ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) โดยคาดว่าจะพร้อมดำเนินการผลิตได้ในช่วงต้นปี 2567 และทำให้ VKPC มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 870,000 ตันต่อปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันต่อไปในอนาคต
โดยการลงทุนมูลค่า 8,133 พันล้านดอง (ประมาณ 11,793 ล้านบาท) รวมค่าเครื่องจักร งานโยธา ค่าใช้จ่ายทางการเงิน และเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น กระดาษ Lightweight เพื่อรองรับการเพิ่มก ลังการผลิตอีกประมาณ 370,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ ยังรวมค่าที่ดิน ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และ ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการ ขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันต่อไปในอนาคต
VKPC เป็นผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ชั้นนำในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด (SCGP ถือหุ้น 100%) และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ที่สัดส่วน 70:30 ทั้งนี้ VKPC ได้เริ่มดำเนินกิจการในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2552 และในปี 2559 ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มจากเดิมเป็น 500,000 ตันต่อปีโดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ก็จะทำให้ VKPC มีกำลังการผลิตรวม 870,000 ตันต่อปีในปี 2567
นายวิชาญ กล่าวว่า SCGP ใช้กลยุทธ์สร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง เริ่มตั้งแต่ในปี 2552 บริษัทฯ ได้ลงทุนเชิงยุทธศาสตร์แห่งแรกทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ด้วยการสร้างฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ใน Vina Kraft Paper Company Limited (VKPC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ที่สัดส่วน 70:30 ตามลำดับ ในจังหวัดบิ่นห์เยือง นครโฮจิมินห์ และในปี 2559 VKPC ได้ขยายกำลังการผลิตในพื้นที่เดียวกัน เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นในภูมิภาค
นอกจากนี้ SCGP ยังได้ขยายธุรกิจด้วยการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศเวียดนาม ได้แก่ กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ฯลฯ
ประเทศเวียดนามมีการบริโภคภายในประเทศที่สูง และเป็นฐานการส่งออกสำคัญของภูมิภาค ส่งผลให้บรรษัทข้ามชาติหลายรายเข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งคาดว่าความต้องการกระดาษบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องประเภทอื่น ๆ ในประเทศเวียดนามจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 - 7 ต่อปีในช่วงปี 2564 - 2567 (ข้อมูลจาก Frost & Sullivan)
"SCGP ได้ขยายธุรกิจในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายสูงกว่า 15,000 ล้านบาท เมื่ออ้างอิงจากประมาณการงบการเงิน (Pro-forma) ปี 2564 (รวมรายได้หลังการเข้าซื้อกิจการ Merger and Partnership : M&P ที่ได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ด้วยแนวคิดการขยายธุรกิจแบบบูรณาการ โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตหลักตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม การลงทุนสร้างคอมเพล็กซ์ฐานผลิตใหม่ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตในตลาดตอนเหนือของประเทศเวียดนามและตอนใต้ของประเทศจีน เสริมการผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งระหว่างธุรกิจของ SCGP ในด้านประสิทธิภาพการผลิตและการพัฒนาโซลูชันด้านบรรุภัณฑ์แบบครบวงจรให้ดียิ่งขึ้น และพร้อมรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้" นายวิชาญ กล่าว