นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มดัชนีเช้านี้ตลาดยังผันผวนจากความกังวลการประชุมเฟดที่คาดปรับลด QE และปัญหาสภาพคล่องของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาฯอันดับ 2 ของประเทศจีน แต่ก็มีปัจจัยบวกจากในประเทศ ที่วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำกว่า 11,000 ราย พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,580-1,585 จุด และแนวต้านที่ 1,614 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดยังคงผันผวนจากปัจจัยเดิม จากประเด็นความเสี่ยงการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และยังมีความกังวลต่อตลาดเงินของจีน เรื่องปัญหาสภาพคล่องจากบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาฯอันดับ 2 ของประเทศจีนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกในประเทศไทย จะมาจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดระดับลงมาต่ำกว่า 11,000 รายในวันนี้ และยังคงแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มส่งออก อย่าง KCE หรือ TU และอีกหุ้นหนึ่งคือ ILM ซึ่งมีแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/64 จะดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ และอาจเป็นบริษัทที่มีผลกำไรดีกว่าช่วงไตรมาส 2/63 ในขณะที่ภาพรวมของหุ้นกลุ่มค้าปลีกกำไรอาจจะแย่กว่าไตรมาส 2/63
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,580-1,585 จุด และแนวต้านที่ 1,614 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,970.47 จุด ลดลง 614.41 จุด (-1.78%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.73 จุด ลดลง 75.26 จุด (-1.70%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,713.90 จุด ลดลง 330.07 จุด (-2.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (21 ก.ย.) เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 30,021.25 จุด ร่วงลง 478.8 จุด (-1.57%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,867.16 จุด ลดลง 231.98 จุด (-0.96%)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ย.) 1,603.06 จุด ลดลง 22.59 จุด (-1.39%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 254.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ย.) ปิด 70.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ย.) อยู่ที่ 5.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.37 อ่อนค่าต่อเนื่องจากวานนี้ตามภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 33.30-33.50
- นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดวินัยการคลัง เคาะเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะไม่เกิน 70% รองรับกู้เงินฟื้นเศรษฐกิจ สบน.ชี้เพิ่มช่องกู้เพิ่มได้อีก 1 ล้านล้าน สศค.เผยไตรมาส 4 เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้น "ทีดีอาร์ไอ" เตือนรัฐบาลต้องไม่ประมาททางการคลัง แนะเร่งลดหนี้สาธารณะ เพิ่มรายได้รัฐบาล รับมือวิกฤติในอนาคต
- ผู้ช่วยโฆษก ศบค.ระบุ "กรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์" เปิดแน่ ภายใต้เงื่อนไขฉีดวัคซีนเข็ม 2 ครบ 70-80% มีแผนรองรับหากมีการระบาด เตรียมหารือร่วมกับทีมภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ 22 ก.ย. ชงเปิดโรงภาพยนตร์-สถานบันเทิงร้านอาหารให้ ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 27 ก.ย. สภาหอการค้าฯ เผยภาคธุรกิจพร้อมมาก ขณะที่ "อัศวิน" มั่นใจฉีดครบ 70% 22 ต.ค. ลั่นต้องปลอดภัยก่อนชง ศบค.
- บริษัทประกันชง "คปภ." ตั้งกองทุนช่วยเหลือจ่ายเคลมโควิดเหมือนช่วงสึนามิ ด้านคปภ.เตรียมผ่อนปรนเกณฑ์ช่วยเหลือทางการเงินเพื่อให้บริษัทประกันเพื่อเดินหน้าต่อได้ ย้ำประชาชนไม่ต้องตระหนก ยื่นเคลมประกันได้ทุกบริษัท ยันไม่พบความเสี่ยงในเชิงระบบ
- "สุพัฒนพงษ์" ประชุม กบง. มอบ สนพ.-พพ. ร่วมทบทวนแผน PDP ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 เพิ่มการผลิตไฟฟาจากพลังงานสะอาดให้สอดรับกับมติ กพช. เพื่อเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเคาะตรึงราคา LPG ภาคครัวเรือนต่ออีก 3 เดือน สิ้นสุด 31 ธ.ค.นี้
- นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วันที่ 24 ก.ย.นี้ เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษทำให้มีวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ 3 วัน แต่จะเกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากหรือน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หลังมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เริ่มเห็นการเดินทางเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดใกล้ภูมิลำเนา 200-300 กิโลเมตร (กม.) อาทิ คนกรุงเทพฯ ไปเที่ยวพัทยา หัวหิน เขาใหญ่ ทำให้มีความคึกคักเป็นพิเศษ และเป็นการเที่ยวแบบครอบครัวด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ยังกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ระยะใกล้ภูมิลำเนา
*หุ้นเด่นวันนี้
- CHG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้า 4.70 บาท คาดกำไร Q3/64 แข็งแกร่งทำ New High ประคองราคาหุ้นจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกล่าสุด หนุนรายได้จากการรักษาให้เร่งขึ้นอย่างมีนัย เบื้องต้นเราคาดกำไร 650-700 ลบ.แนวโน้ม Q4/65 อาจอ่อนตัวลง แต่ยังเป็นระดับที่แข็งแกร่งและมีแรงหนุนจากการฉีดวัคซีน Moderna ส่วนราคาหุ้นที่ปรับฐานในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ Upside เปิดกว้างและน่าสนใจ
- SCGP (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 66.00 บาท แนะนำทยอยซื้อหุ้นหลังราคาปรับฐานตามตลาด แต่บริษัทเดินหน้าลงทุน 1 หมื่น ลบ. ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษอีกกว่า 3.7 แสนตัน/ปี บริษัทลงทุนในช่วงก่อนหน้าที่จะจบโควิด-19 มีความสำคัญและเป็นการชิงความได้เปรียบ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2022 คาดผลประกอบการจะเติบโตแบบก้าวกระโดด KTBST ประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 9.16 พัน ลบ. และ 1.1 หมื่น ลบ. +10%YoY, +21%YoY ตามลำดับ