ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังดัชนีดาวโจนส์รูดหนักกว่า 600 จุด ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลงตาม หลังจากกังวลการปรับลดวงเงิน QE ของธนาคารกลางสหรัฐ และปัญหาสภาพคล่องของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์
เมื่อเวลา 10.16 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,593.01 จุด ลดลง 10.05 จุด (-0.63%)
เมื่อเวลา 10.31 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,605.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.55 จุด (+0.16%)
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ที่ปรับตัวลงมากว่า 10 จุดมาจากปัจจัยกดดันหลายด้าน ได้แก่ ราคาหุ้น DELTA เช้านี้ลดลงไปกว่า 60 จุดส่งผลกระทบ SET ราว 6 จุด เพราะมีความเสี่ยงจากการปรับเกณฑ์ใหม่คัดเลือกหุ้นเข้า SET50 ที่จะหยิบยกประเด็น cash balance มาพิจารณาด้วย หากติด cash balance ต่อเนื่องโอกาสเข้า SET50 ยากขึ้น ซึ่ง DELTA มีสัญญาณหลุด SET50 จึงมีแรงขายออกมา
ปัจจัยเชิงลบอีกประเด็นมาจากปัญหาหนี้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน แม้ว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาพยุงโดยการอัดฉีดสภาพคล่อง แต่ก็เสี่ยงจะผิดนัดชำระหนี้ในปลายเดือน ก.ย.นี้ ส่งผลต่อ Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกบ้าง
และการประชุมเฟดปลายสัปดาห์นี้คาดจะส่งสัญญาณปรับลด QE และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหรือไม่ โดยทั้ง 3 ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเช้านี้
อย่างไรก็ตาม วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 20 จุด ถือว่าปรับแรงแล้ว คาดว่าปลายสัปดาห์น่าจะเริ่มยืนได้
ให้แนวรับ 1,585 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ แนวต้านให้ไว้ที่ 1,600 จุด ถ้าผ่านได้ให้แนวต้านถัดไปที่ 1,615 จุด