SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,616.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด (+0.10%) มูลค่าการซื้อขายราว 41,153 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบ และค่าเงินก็เริ่มนิ่ง นักลงทุนรอผลประชุมเฟดคืนนี้ จับตาลด QE-ทิศทางขึ้นดอกเบี้ย หากเร็วกว่าคาดอาจกดดันตลาดเป็นจังหวะปรับฐาน ขณะเดียวกันติดตามปัญหาไชน่า เอเวอร์แกรนด์ มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูง แนวโน้มตลาดช่วงบ่ายคาดยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยให้แนวรับ 1,605 จุด แนวต้าน 1,620 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,616.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด (+0.10%) มูลค่าการซื้อขายราว 41,153 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวสลับแดนบวกแดนลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,622.23 จุด และระดับต่ำสุด 1,611.76 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แก่งตัวในกรอบแคบ นักลงทุนเฝ้ารอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) คืนนี้ ขณะที่ค่าเงินเริ่มนิ่ง เงินดอลลาร์สหรัฐไม่ได้แข็งค่ามาก และเงินบาทก็ไม่ได้อ่อนค่าลงมากเข่นกัน ซึ่งคงรอผลประชุมเฟดเช่นกัน โดยเฉพาะการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) จะมีไทม์ไลน์การปรับลดชัดเจนอย่างไร และจะลดวงเงินจากที่มี 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐอย่างไร โดยตลาดฯคาดเฟดจะปรับลด 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ซึ่งก็จะใช้เวลา 8 เดือน และจะเริ่มลดในช่วงไหน
ส่วนอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะคงระดับต่ำต่อไป แต่จะมีมุมมองแนวโน้มการปรับขึ้นเมื่อใด โดยตลาดฯคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังลด QE แล้ว คาดว่าในปี 65 อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวระดับต่ำ และจะปรับขึ้นในปี 66 จำนวน 2 ครั้งๆ ละ 0.25% แต่รอบนี้อาจจะจับสัญญาณณจากประธานเฟดแต่ละสาขามีความเห็นว่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะกดดันตลาดหากดอกเบี้ยออกมา surprise ก็อาจมีจังหวะตลาดปรับฐาน
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัญหาหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ที่มองว่าน่าจะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้สูง ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าทางการจีนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ทั้งนี้จากปัจจัยข้างต้นเป็นตัวกดดันตลาดโดยรวมในระยะสั้น
แนวโน้มตลาดในช่วงบ่าย คาดว่าตลาดฯยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่างรอผลประชุมเฟด โดยให้แนวรับที่ 1,605 จุด แนวต้านที่ 1,620 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,061.70 ล้านบาท ปิดที่ 110.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,060.93 ล้านบาท ปิดที่ 197.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,587.00 ล้านบาท ปิดที่ 480.00 บาท ลดลง 18.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,502.94 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
EE มูลค่าการซื้อขาย 1,118.81 ล้านบาท ปิดที่ 1.86 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท