SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,619.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 79,028.45 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideway รอผลประชุมเฟดคาดส่งสัญญาณปรับลด QE ลุ้นหากยังไม่รีบลดอาจทำให้ตลาดหุ้นกลับมา แต่หากลดมากกว่าคาดอาจทำให้ตลาดฯปรับลงต่อ และยังมีประเด็นโอกาสสหรัฐปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลเป็นแรงกดดันอีก รวมทั้งแนวโน้มงบการเงินไตรมาส 3/64 ของภาคธุรกิจทั้งสหรัฐและไทยไม่ค่อยดี ส่วนปัญหาหนี้เอเวอร์แกรนด์ก็คลายกังวลลง แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ ให้แนวรับ 1,592- 1,600 จุด แนวต้าน 1,635-1,640 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,619.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 79,028.45 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวสลับในแดนลบและแดนบวก โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,623.86 จุด และระดับต่ำสุด 1,611.76 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 742 หลักทรัพย์ ลดลง 840 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 624 หลักทรัพย์
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัว sideway ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นมาหลังลบไปในช่วงเช้าน่าจะคลายความกังวลปัญหาหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป จากที่รัฐบาลจีนเขามาช่วยระดับหนึ่ง โดยราคาหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ปรับตัวลงไปกว่า 80% ถือว่าตอบรับไปพอสมควรแล้ว
ส่วนการประชุมเฟด คาดว่าจะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) ซึ่งจะทราบในวันพรุ่งนี้ตามเวลาในประเทศไทย โดยตลาดฯคาดว่าเฟดจะลด QE ลง 1-1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน ซึ่งหากรอบนี้เฟดไม่รีบปรับลด QE แต่ไปประกาศในเดือน พ.ย.64 ตลาดหุ้นจะกลับมา แต่หากเฟดลด QE มากกว่าคาดก็อาจทำให้ตลาดก็ปรับตัวลงต่อ
แม้ว่าจะผ่านเรื่องปรับลด QE ไปได้แต่ก็ยังมีประเด็นโอกาสที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลกดดันอยู่ โดยเดือน ก.ย.-ต.ค.น่าจะเห็นความผันผวนตลาด เพราะผลประกอบการของบริษัทเอกชนในสหรัฐน่าจะออกมาไม่ดีนัก รวมถึงบริษัทจดทะเยบียนของไทยเนื่องจากไตรมาส 3/64 ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบมาตรการล็อกดาวน์ แต่ขณะนี้สถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว
แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ คาดแกว่งตัว sideway รอความชัดเจนการประชุมเฟด พร้อมให้แนวรับ 1,592 และ 1,600 จุด แนวต้านที่ 1,635 และ 1,640 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 4,605.20 ล้านบาท ปิดที่ 109.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,984.11 ล้านบาท ปิดที่ 3.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,787.89 ล้านบาท ปิดที่ 196.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,488.88 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
EE มูลค่าการซื้อขาย 2,212.35 ล้านบาท ปิดที่ 1.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.23 บาท