ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่จัดตั้งโฮลดิ้งส์ภายใต้ชื่อ SCBX (เอสซีบี เอกซ์) เพิ่มความคล่องตัวและขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคสร้างบริษัทสู่หลากธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์ม วางรากฐานรองรับบริบทใหม่ของโลก
"หลังจากสามปีนี้ SCB จะไม่เท่ากับธนาคารอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี (technology platform) ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ของผู้บริโภคและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในระดับโลกได้อย่างทัดเทียม เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นทดแทนธุรกิจธนาคารที่อาจจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที" นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าว
ที่ประชุมคณะกรรมการ SCB อนุมัติแผนปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยธนาคารจัดตั้ง บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) หรือปัจจุบันใช้ชื่อว่า บมจ.ไทยพาณิชย์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนชื่อเป็น SCBX ซึ่งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารจากผู้ถือหุ้น ด้วยการออกและเสนอขายหุ้นามัญเพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของธนาคาร (Share Swap) ในอัตราการแลกเท่ากับ 1 หุ้นสามัญของธนาคารต่อ 1 หุ้นสามัญของ SCBX และ 1 หุ้นบุริมสิทธิของธนาคารต่อ 1 หุ้น
ในการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว SCB จะยกเลิกคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ หากจำนวนหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขายมีจำนวนน้อยกว่า 90% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของธนาคาร และภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของธนาคารเสร็จสิ้น หลักทรัพย์ของ SCBX จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทน SCB ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกัน
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ SCB ยังอนุมัติการโอนย้ายบริษัทย่อยและการโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น ให้แก่ SCBX หรือบริษัทย่อยของ SCBX โดย ธนาคารประมาณการว่ามูลค่ารวมของการโอนย้ายบริษัทย่อยจะอยู่ที่ประมาณ 19,504 ล้านบาท
ธนาคารจะโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน (อันได้แก่ ทรัพย์สิน หนี้สิน และสิทธิ เรียกร้องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน) ให้แก่บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ของ SCBX โดย SCBX จะถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวเกือบทั้งสิ้น (ร้อยละ 99.99) หรือ Card X เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน
โดยในส่วนของสิทธิเรียกร้องที่ เป็นคดีความ และสิทธิเรียกร้องที่ค้างชำระที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มี หลักประกันนั้น ธนาคารจะโอนให้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะถูกจัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทย่อยของ Card X (โดย Card X จะถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวเกือบทั้งสิ้น) ทั้งนี้ การโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ มีหลักประกัน รวมถึงการจัดตั้ง CardX และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างการ ถือหุ้นของธนาคาร
นอกจากนั้น คณะกรรมการธนาคารยังอนุมัติหลักการที่จะให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิประจำปี และกำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะล่าสุดของธนาคารประมาณ 70,000 ล้านบาท ให้แก่ SCBX และผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ โดยธนาคารคาดว่าเงินปันผลส่วนใหญ่ที่ธนาคารจะจ่ายให้กับ SCBX จะถูกใช้เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการรับโอนบริษัท ย่อยและธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน และ เป็นเงินลงทุนสำหรับ SCBX ในการขยายธุรกิจในอนาคต รวมทั้งเพื่อเป็นเงินปันผลที่ SCBX จะพิจารณาจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นภายหลังการแลกหุ้น
ในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครั้งนี้จะทำให้เงินกองทุนของธนาคารลดลง แต่จะยังมี ระดับเงินกองทุนที่เพียงพอให้ธนาคารดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง และจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทาง การเงินของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ธนาคารได้ดำเนินการแต่งตั้ง บล.เกียรตินาคินภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นแก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร โดยได้พิจารณากำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 6 ต.ค.64