นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโต 10-12% จากความคาดหวังในเรื่องของการแพร่ระบาดที่จะเห็นการคลี่คลายมากขึ้น และมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจะสิ้นสุดลงไป ทำให้การกลับมาทำงานในโรงงานทำได้เต็มที่ และการขนส่งสามารถขนส่งได้ตามปกติ ทำให้บริษัทสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้มากขึ้น และผลิตทันส่งมอบตามออเดอร์ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีออร์เดอร์เฟอร์นิเจอร์จากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีกำหนดทยอยส่งมอบถึงปี 65 แล้ว หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติจะทำให้บริษัทสามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ดี และบริษัทจะมีรายได้เข้ามามากขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ ตลาดต่างประเทศยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนยอดขายของบริษัท จากการที่เศรษฐกิจต่างประเทศฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศลูกค้าหลัก ทั้งญี่ปุ่น สหรัฐฯ และอินเดีย คาดว่าจะมียอดขายเข้ามาได้มากขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะในตลาดอินเดียที่คาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% หลังจากเห็นออเดอร์กลับมามากขึ้น รวมถึงกลุ่มประเทศในอาเซียนมองว่ายังมีการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนั้น บริษัทจะมองหาพันธมิตรในตะวันออกกลางเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อรุกการขยายฐานลูกค้าง ซึ่งบริษัทมองว่าในปี 65 เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นทำให้กำลังซื้อกลับมาดีขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมความพร้อมในการเปิดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม คือ SoMeWa Plaza ที่จะเข้ามาเป็นส่วนเสริมในปี 65 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบของ SoMeWa Plaza คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการสั่งซื้อสินค้าได้ภายในไตรมาส 1/65
ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูในเมียนมา ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร ปัจจุบันในเฟสแรก กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว และยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกเฟส 2-4 ที่ยังมีการติดชัดในเรื่องการก่อสร้างจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และการรัฐประหาร ทำให้การก่อสร้างชะลอไป แต่ขณะนี้ได้เตรียมส่งทีมงานกลับไปก่อสร้างอีกครั้งเพื่อทำให้งานเดินหน้าตามแผน และมั่นใจว่าจะสามารถ COD ได้ทันครบตามแผนในปี 65
ส่วนภาพรวมของรายได้ในปี 64 ยังมั่นใจเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-12% โดยทิศทางธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 64 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ อีกทั้งบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากลูกค้า ญี่ปุ่น อเมริกา อินเดีย จีน ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณออเดอร์ส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และยังได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 3/64 เป็นต้นมา อีกทั้งได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของอินเดีย คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/64 เข้ามาหนุนรายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้