นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งได้แต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร เมแนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนรูปแบบและพื้นที่ของห้าง ทั้ง 2 สาขาให้มีความทันสมัยและตอบรับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะสาขาธนบุรีที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการขยายแนวรถไฟฟ้าออกไปยังเขตรอบเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวในย่านธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าการดำเนินการปรับปรุงจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มอัตราค่าเช่าพื้นที่ประมาณ 10% และจะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 51 โต 15% จากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 5% จากการปรับปรุงพื้นที่ภายในห้างทั้งสาขาใหญ่และสาขาย่อย
สำหรับการปรับปรุงพื้นที่สาขาอาจจะยกเลิกแผนกกีฬา ส่วนการเปิดสาขาเล็กๆ อาจจะเปิดปีละ 1-2 แห่งเน้นในเขตกรุงเทพฯ
ปัจจุบันตั้งฮั่วเส็งทั้ง 2 สาขามีอัตราการเข้า 2.1 หมื่นคนต่อวัน สาขาธนบุรี มียอดขายประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนสาขาบางลำพู มียอดขายประมาณ 70 ล้านบาทต่อเดือน
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร เมแนจเม้นท์ ที่ปรึกษาการเงิน ของบริษัท ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง คาดว่าจะนำห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งยื่นไฟลิ่งในช่วงไตรมาส 1 ถึง ไตรมาส 2 ปี 51 และจะเข้าเทรดในตลาด เอ็ม เอ ไอ ในช่วงไตรมาส 2 แต่บริษัทจะยื่นเพื่อเข้าเป็นบริษัทมหาชนภายในสิ้นปีนี้เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ขณะนี้มีกองทุนทั้งไทยและต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนถือหุ้นในบริษัทตั้งฮั่วเส็ง ซึ่งจะเป็นการเข้ามาถือก่อนที่จะขาย IPO ในสัดส่วน 10-20% จะทำให้ครอบครัว"จุนประทีปทอง"เหลือสัดส่วนหุ้นตั้งฮั่วเส็ง 90% แต่เมื่อเข้าจดทะเบียนการถือหุ้นจะถูก Dilute เหลือ 51-55%
"เราอยากให้เรื่องกองทุนจบก่อนสิ้นปี เพราะจะทำให้การแปรสภาพเป็น บจ.ง่ายกว่าที่จะเข้ามาหลังการระดมทุน ซึ่งตอนนี้เราอาจจะเลือกกองทุนเหลือเพียง 1 หรือ 2 ราย ซึ่งตอนนี้มีทั้งกองทุนจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไทยสนใจ"นายสมภพ กล่าว
ทั้งนี้ หากกองทุนดังกล่าวเข้ามาถือก็จะส่งผลดีต่อห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง โดยเฉพาะโครงสร้างของบริษัทก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นธุรกิจครอบครัว และยังทำให้มีความน่าเชื่อถือ และส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อหุ้น
"แต่เราไม่อยาก Fix ว่าจะต้องมีกองทุนเข้ามาถือหุ้น แต่กองทุนก็ถือเป็นทางเลือกซึ่งขณะนี้เราจะต้องสร้างเงื่อนไขในการมาของกองทุนในสัดส่วนไม่เกิน 20% เพื่อจะได้ไม่มีอำนาจ ส่วนเม็ดเงินที่อยากได้จากการระดมทุนคือประมาณ 200 ล้านบาทบวกลบ"นายสมภพ กล่าว
นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทจะให้ตั้งฮั่วเส็งลดพาร์จาก 1 พันบาทในปัจจุบัน ซึ่งจะนำเรื่องหารือกับกลุ่มผู้บริหารในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนธ.ค. ซึ่งมองว่าการลดพาร์จะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--