นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานต่อ จากแรงกดดันตลาดทั่วโลกปรับฐานหลังขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นขึ้น และตลาดฯก็ยังขาดปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับยังมีความกังวลเรื่องของบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป
นอกจากนี้ วานนี้ตลาดบ้านเราได้แรงขายสุทธิทั้งจากนักลงทุนต่างชาติ และกองทุน ซึ่งเป็นการขายทำกำไรระยะสั้นหลังขึ้นไปแรง และเป็น Sell on fact หลังผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ออกมา ทำให้กดดันหุ้นขนาดใหญ่ อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/64 คาดว่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบ yoy จากที่มีการล็อกดาวน์
อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังน่าจะได้แรงหนุนบ้างจากจำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ 9,489 ราย ต่ำสุดในรอบราว 2 เดือนครึ่ง และต่ำกว่าระดับ 10,000 ราย เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน น่าจะหนุนหุ้น Reopening ได้บ้าง อีกทั้งเงินบาทเช้านี้อ่อนค่ามาที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ฯ ซึ่งอ่อนค่าสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือน นับจากเดือนก.ค.2560 ที่เงินบาทอยู่ที่ 33.7 บาท/ดอลลาร์ อันเป็นผลจากเงินดอลลาร์ฯแข็งค่า หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯ อายุ 10 ปี สูงขึ้นมาที่ 1.5% สูงสุดในรอบ 3 เดือน อาจเป็นสัญญาณอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าก็จะเป็นแรงหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออก, อิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร และราคาน้ำมันยังปรับขึ้นน่าจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ ยังมองตลาดฯน่าจะยังซึมเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ อีกทั้งยังจับตาการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 3/64 ในสัปดาห์นี้ และรอดูผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน แต่ให้ติดตามทิศทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ส่วนนอกประเทศให้ติดตามนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสในคืนนี้ และจับตาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,633 จุด