บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,650 จุด โดยมีปัจจัยกระทบการลงทุน ได้แก่ 1.การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 29 ก.ย. ซึ่ง CGS และ Bloomberg Consensus คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม ส่วนความเห็นของตลาดสะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1 ปี เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 0.5% บ่งชี้ว่าตลาดประเมินว่าที่ประชุมจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่ามีผลต่อการลงทุนจำกัด แต่หากมีการปรับลดดอกเบี้ยจะเป็นบวกต่อตลาดผ่านการ Valuation ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรรัฐบาลและผลตอบแทนตลาดหุ้น โดยแนะติดตามถ้อยแถลงด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติมเชื่อว่ามีผลมากกว่าเรื่องของดอกเบี้ย
2.การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา สำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ได้แก่ แนวทางการอนุญาตให้เปิดโรงภาพยนตร์ , ร้านนวด มองหุ้นได้ประโยชน์ MAJOR และ SPA รวมถึงการขยายระยะเวลาเปิดศูนย์การค้าถึง 21.00 น. มองบวกต่อ CPN และร้านอาหารในศูนย์การค้า CENTEL, M, MINT
ความเห็นเรา MAJOR จะค่อนข้างน่าสนใจเนื่องจาก ราคาหุ้นยังมี Upside ก่อนโควิด-19 ราว 14%, การฟื้นตัวของผลประกอบการที่ค่อนข้างไว เนื่องจากมีหนังฟอร์มใหญ่จ่อเข้าฉายติดกันและอิงลูกค้าภายในประเทศเป็นหลัก ถัดมาจะเป็น M ด้วยเหตุผลราคาหุ้นยังมี Upside เทียบก่อนโควิด-19 ราว 21% และผลประกอบการฟื้นตัวไวเช่นกันในช่วงคลายล็อกดาวน์ ไตรมาส 3/63 เชิงรายได้ลดลงเพียง 7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดังนั้น สัปดาห์นี้ปัจจัยรวมๆ ยังไม่โดดเด่นมากนัก จึงคาด SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,650 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนมอง Reopening Play น่าสนใจรับการผ่อนคลายจาก ศบค. แนะ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ร้านอาหาร (M) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB)
M (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 61 บาท) การผ่อนคลายของ ศบค. ในวันที่ 27 ก.ย. หากขยายระยะเวลาเปิดศูนย์การค้าออกไปจะเป็นบวกตรงๆต่อบริษัท ขณะที่เชิงปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่งด้วยเงินสดในงบดุลสูงราว 7 พันล้านบาทประกอบกับหนี้สินทางการเงินต่ำด้วย D/E เพียง 0.43x ส่วนผลประกอบการคาดีไตรมาส 4/64 จะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ
MAJOR (ถือ / ราคาเป้าหมาย 19.8 บาท) แม้จะให้คำแนะนำเพียงถือแต่เชื่อระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากการจะผ่อนคลายให้โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดได้ ขณะที่ภาพยนตร์รอฉายค่อนข้างเยอะและเป็นฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง ทำให้การฟื้นตัวของผลประกอบการมีโอกาสกลับคืนไว เบื้องต้นคาดไตรมาส 4/64 จะเห็นการฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ