นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส (RS) กล่าวว่า บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนที่บริษัทถือสัดส่วน 35%หรือ 920 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมทางด้านต่างๆ ภายในองค์กรสำหรับการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และเตรียมเอกสาร Filing เพื่อยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/65 โดยมีกำหนดการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/65 โดยได้แต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ที่ 800 ล้านบาท จากสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ยังได้รับวงเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่ง นับเป็นเงินทุนรวมกว่า 2,600 ล้านบาท เพื่อใช้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สร้างโอกาสและการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
"โดย 6 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ สร้างรายได้กว่า 400 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ ณ ตอนที่ อาร์เอส กรุ๊ป ทำแผนก่อนเข้าลงทุน และคาดว่ากลุ่มบริษัทเชฎฐ์ จะสามารถสร้างสถิติรายได้ถึง 800 ล้านบาทภายในสิ้นปี 64 และกำลังวางแผน synergy ต่อยอดทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของทั้งสองบริษัทร่วมกัน"นายสุรชัย กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจติดตามและบริหารหนี้ NPL ที่มีจุดแข็งและศักยภาพในการเติบโตสูง และการได้รับแรงสนับสนุนจาก RS และสถาบันการเงินหลายแห่ง ยิ่งเป็นตัวเร่งให้พร้อมที่จะก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว
สำหรับธุรกิจของกลุ่มบริษัทเชฎฐ์นั้น มีศักยภาพการเติบโตที่สูงจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในตลาด B2B และ B2C สำหรับตลาด B2B ก็มีโอกาสจากหนี้เสีย NPL ของสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งมีนโยบายขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในปริมาณที่สูง จึงเป็นโอกาสของกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ในการเข้าประมูลสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพื่อทำมาบริหารจัดการต่อ และจากบริการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งมีความต้องการจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบริการติดตามทวงถามหนี้เติบโต
ในขณะที่ตลาด B2C ผู้บริโภคมีความต้องการแหล่งเงินเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและใช้จ่ายในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ รวมถึงเพื่อจัดการปัญหาหนี้สินในครัวเรือน
นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ กล่าวว่า ในปี 64 เป็นปีที่เน้นวางรากฐานองค์กรให้เติบโตในระยะยาว ปัจจุบันมีพัฒนาการในทุกด้านและเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยปณิธานในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ที่เป็นมากกว่าบริษัทฯ ติดตามทวงถาม แต่กลุ่มบริษัทยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก้ปัญหาหนี้ ให้ความรู้คู่วินัยในการบริหารหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้กลับคืนสู่สถานะที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ จึงทำให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ยังคงมีฐานลูกค้าในทุกด้านเพิ่มยิ่งขึ้น เสริมความพร้อมทางด้านการเงินจากพาร์ทเนอร์ และสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาโดยตลอด จึงทำให้เชื่อมั่นว่าจะเห็นการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และส่วนธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านแก้ไขปัญหาหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกค้ามีปัญหาหนี้เสียที่ยังโตต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจติดตามหนี้ก็ยังสร้างรายได้ให้กับกลุ่มได้ดีอย่างเสมอมา
และด้วยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ RS ที่ได้สนับสนุนแผนการระดมทุนจำนวน 920 ล้านบาทนั้น ส่งผลให้บริษัทได้รับการสนับสนุนจากจากสถาบันการเงินต่างๆ ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม เสริมทัพให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์แข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพในอุตสาหกรรมนี้ สะท้อนโอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจค่อนข้างมาก
ในปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ มีหนี้ภายใต้การบริหารกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากปลายปี 2563