นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บริษัทในเครือ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า ในปลายไตรมาส 3/64 บริษัทจะเริ่มทยอยโอนคอนโดมิเนียมรวม 7 โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มูลค่ารวมกว่า 1.15 หมื่นล้านบาท ได้แก่ แชปเตอร์ ทองหล่อ 25, เดอะไพรเวซี่ S101, แชปเตอร์วัน โฟลว์ บางโพ, เดอะไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์, เดอะทรี พัฒนาการ-เอกมัย, เดอะรีเซิร์ฟ สาทร และพลัมคอนโด สุขุมวิท 97.1
บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 3/64 และไตรมาส 4/64 ราว 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 65 ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ปี 64 ตามเป้าหมาย 3.2 หมื่นล้านบาท โดยที่ลูกค้ามีความต้องการที่จะโอนคอนโดมิเนียม เนื่องจากราคาที่ลูกค้าจองในช่วงพรีเซลเป็นราคาที่ดีที่สุด และหาไม่ได้อีกแล้วในราคานี้ โดยคอนโดมิเนียมทั้ง 7 โครงการอยู่ในทำเลศักยภาพทุกโครงการ ใกล้รถไฟฟ้า และอยู่ใจกลางย่านธุรกิจใจกลางเมือง ซึ่งที่ดินในย่านดังกล่าวมีการปรับราคาสูงขึ้นทุกปี และยังเป็นทำเลที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องทั้งลงทุนและซื้ออยู่อาศัยเอง
ขณะเดียวกัน บริษัทมองว่าหลังจากที่คนไทยทั่วประเทศได้รับวัคซีนโควิด-19 กันมากแล้วตามแผนที่ภาครัฐตั้งไว้ และมีการเปิดประเทศตามแผน ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาทำงานและท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ จะทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวขึ้น และตามมาด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นตาม และคาดหวังต่อการที่ลูกค้าต่างชาติจะเข้ากลับเข้ามาซื้อ เป็นอีกแรงหนุนให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติอยู่ที่ 20%
"ในปีนี้ถือเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมาก แม้ลูกค้าบางรายจะได้รับผลกระทบจากโควิดก็ยังไม่ทิ้งการจอง มีการนัดหมายเข้ามาตรวจห้องและเตรียมโอนกันมาก เราก็เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และในช่วงที่ผ่านมาก็อยากให้ลูกค้ากู้ผ่านได้ มีการจัด Financial Clinic ให้คำปรึกษาก่อนยื่นกู้ และมีแบงก์พันธมิตรเข้ามาร่วมจัดโปรดอกเบี้ยพิเศษ ช่วยให้ลูกค้าหมดกังวลเรื่องกู้ไปได้ และเราก็สามารถโอนห้องให้กับลูกค้าได้ไม่ต้องไปขายใหม่อีก"นายปิยะ กล่าว