นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีแพนเนล (CPANEL) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 65 เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตราว 30-40% จากปีนี้ โดยมั่นใจว่าความต้องการใช้แผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจะเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า เป็นไปตามเทรนด์ของการ Reopening ทั้งการขยายการลงทุนโครงการใหม่ และการรีโนเวท
ประกอบกับ บริษัทยังมีแผนขยายตลาดเข้าไปรับงานอาคารประเภทอื่น หรือตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการรับงานจากภาคอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 80-90% แบ่งเป็น งานคอนโดมิเนียมและแนวราบ ขณะที่ส่วนที่เหลือจะเป็นงานโรงงานอุตสาหกรรม
"งานบางงานเราเห็นภาพอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นงานที่เป็นสัญญาต่อเนื่อง เช่น ถ้าเราได้สัญญาแรก เราก็จะได้สัญญาถัดไปด้วย ซึ่งตอนนี้เฉพาะที่จะมีการรับรู้รายได้ในปีหน้า 500 ล้านบาท ก็ยังไม่รวมสัญญาต่อเนื่อง"นายชาคริต กล่าว
นายชาคริต กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มองว่าผลกระทบดังกล่าวได้สิ้นสุดไปแล้ว แต่กลับมาเป็นผลกระทบเชิงบวกกับบริษัทฯ มากกว่า โดยทิศทางในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตเป็น 350 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 220 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเติบโตไปแล้วกว่า 60% และช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ 30 มิ.ย 64 ที่ 1,156.03 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 228.56 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ ไปจนถึงปี 66 จากภาพรวมตลาดแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง มีปัจจัยสนับสนุนจากเทรนด์ของโครงการก่อสร้างในปัจจุบันที่มีลักษณะขายก่อนสร้างทีหลัง ทำให้ผู้ประกอบการต้องการความรวดเร็วในการก่อสร้าง ปัจจัยดังกล่าวจึงหนุนความต้องการใช้ Precast Concrete ของ CPANEL เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทควบคุมการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) และบริหารงานก่อสร้างบนระบบ Building Information Modeling หรือ BIM ทำให้มีคู่แข่งทางตรงน้อยราย จึงมีความแตกต่างและได้เปรียบกว่า
ทั้งนี้ ในช่วง 1-2 เดือนนี้ บริษัทฯ ก็เตรียมเซ็นสัญญางานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีก มูลค่าราว 70 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนงานในมือ (Backlog) ปัจจุบันให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายชาคริต กล่าวอีกว่า การเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) เป็นวันแรกถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงิน พร้อมเดินหน้าลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในพื้นที่โรงงานเดิมด้วยระบบการผลิต Fully Automated ที่มีกำลังการผลิต 720,000 ตารางเมตรต่อปี หรือเท่ากับกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ซึ่งจะมีระยะเวลาก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2/65 ถึงไตรมาส 4/66 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 1/67 โดยจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน CPANEL กล่าวว่า CPANEL เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ที่มีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความรู้ และประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมคอนกรีตสำเร็จรูป มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automated ที่ควบคุมทุกขั้นตอนการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ส่งผลให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ สามารถบริหารจัดการต้นทุน และกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในการเติบโตสอดคล้องกับความต้องการในอนาคต นับได้ว่าเป็นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีบริษัทหนึ่ง
"ภายหลังการระดมทุน CPANEL จะสามารถสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างประสิทธิภาพ เพื่อรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนในเรื่องต้นทุนเวลา ต้นทุนของผู้ประกอบการ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อีกทั้ง เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่ง จะถูกนำไปชำระคืนเงินกู้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (Debt to Equity Ratio: D/E Ratio) ลดลง จากที่กล่าวมาข้างต้น จึงเชื่อว่า หุ้น CPANEL จะเป็นหุ้นที่น่าสนใจตัวหนึ่ง ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด" นายสมศักดิ์ กล่าว