บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) เห็นชอบอนุมัติการลงทุนของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์จ กัด (TUG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 98% และดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ และผลิตบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ร่วมกับ บมจ. สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ซึ่งเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ในการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่เพื่อร่วมลงทุนในกิจการการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) และดำเนินธุรกิจอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ในอนาคต
บริษัทร่วมทุนจะมีทุนจดทะเบียน 250,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็น- หุ้นสามัญ จำนวน 2,450,000 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โครงสร้างผู้ถือหุ้น SFLEX จะเข้าถือหุ้นสามัญ จำนวน 1,250,000 หุ้น ส่วน TUG จะเข้าถือหุ้นสามัญ จำนวน 1,200,000 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 50,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน SFLEX 51% และ TUG 49%
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารมีความเห็นว่าการลงทุนในการจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ SFLEX ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีองค์ความรู้เฉพาะด้าน เป็นการทำรายการที่มีความเหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัท
นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร SFLEX กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนโดยมุ่งเน้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหลัก และจะเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ของกลุ่ม TU เพื่อตอบโจทย์เรื่องคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับโลก
การร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นไปตามแผนการขยายตลาดและขยายฐานรายได้ของ SFLEX โดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างโรงงาน ติดตั้งเครื่องจักรให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2565 พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้ารายได้ในปี 65-66 ไว้ประมาณ 70 ล้านบาท และ 250 ล้านบาท ตามลำดับ ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้นที่ระดับ 40% และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นในปีต่อๆไป เพื่อผลักดันในการสร้างรายได้ให้ไปถึง 1,500 ล้านบาทภายในปี 70
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร TU กล่าวว่า ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเล TU ให้ความสำคัญกับการดูแลทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ บรรจุภัณฑ์ถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเรา การออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะช่วยตอบโจทย์การดูแลสิ่งแวดล้อม TU ยังตั้งเป้าหมาย ในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิลและย่อยสลายได้ ทั้งหมด 100% สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทภายในปี 68
"เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้มีส่วนสำคัญทำให้ไทยยูเนี่ยนบรรลุเป้าหมายดังกล่าว รวมถึงการทำงานร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจต่อไปในอนาคต"นายธีรพงศ์ กล่าว