จากที่ปัจจุบันพลังงานความเย็นจาก LNG ถูกปล่อยทิ้งโดยไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ PTT และ BIG จึงร่วมมือศึกษาต่อยอดนวัตกรรมการใช้ประโยชน์จากความเย็นดังกล่าว อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้โรงแยกอากาศ MAP เป็นแห่งแรกในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถผลิตก๊าซอุตสาหกรรมจากความเย็นจากกระบวนการแปรสภาพ LNG อาทิ ออกซิเจน ไนโตรเจน และอาร์กอน ปริมาณมากถึง 450,000 ตันต่อปี มูลค่าลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท และจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 28,000 ตันต่อปี อันเนื่องมาจากการลดการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการแยกอากาศ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ BIG กล่าวว่า โรงแยกอากาศ MAP ณ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง มีกำลังการผลิตออกซิเจนเพื่อใช้ในทางการแพทย์กว่า 140 ตันต่อวัน จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถผลิตออกซิเจนเหลวได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอ หากเกิดความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ก๊าซอุตสาหกรรมที่ผลิตได้จะช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยไนโตรเจนที่ผลิตได้นอกจากจะสามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังสามารถนำไปต่อยอดนวัตกรรมด้านความเย็นตามโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor หรือ EFC) ด้วย พร้อมกันนี้ โรงแยกอากาศ MAP ยังสนับสนุนกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้ง ปตท. และ BIG ที่ยึดมั่นการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมตลอดมา