โบรกเกอร์ฯต่างเชียร์ "ซื้อ" หุ้นบมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เล็งผลงานไตรมาส 4/64 พลิกเป็นกำไร รับอานิสงส์ผ่อนคลายล็อกดาวน์ กลับมาเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ และมีหนังใหญ่เตรียมเข้าฉายต่อเนื่องตลอดไตรมาส 4/64 จึงเล็งคนเตรียมกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์คึกคักหนุนรายได้ค่าตั๋วกลับมาอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังเริ่มมีรายได้ค่าโฆษณาในโรงภาพยนตร์เข้ามาเสริม หลังจากกลับมาเปิดให้บริการ หนุนภาพการฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/64 และผู้ถือหุ้นเตรียมลุ้นรับปันผลพิเศษหลังปิดงบไตรมาส 3/64 จากการขายหุ้นบมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) ให้กับบมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) คาดว่าจะจ่ายในอัตรา 1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นผลตอบแทนราว 4%
หุ้น MAJOR ปิดเช้าที่ 21.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนี SET ลบ 0.42%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 28.00 กรุงศรี ซื้อ 28.00 ทิสโก้ ซื้อ 25.50 เอเซีย พลัส ซื้อ 25.00 กสิกรไทย ซื้อ 24.50 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 24.00
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า หลังจากการเพิ่มกิจการคลายล็อกดาวน์ในรอบตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 ให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์สามารถเปิดให้บริการได้ แม้ว่ามีข้อจำกัดในการเปิดให้บริการที่นั่งได้เพียง 50% และยังไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารในโรงภาพยนตร์ แต่มองว่าผลบวกต่อ MAJOR จะได้รับอานิสงส์จากดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าที่ชอบการดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ที่อั้นมาเป็นระยะเวลานานเกือบ 5 เดือน และมีหนัง Box Bluster ที่จ่อคิวฉายค่อนข้างแน่นตั้งแต่ช่วงเริ่มเปิดให้บริการ และมีหนังใหญ่จากฮอลลีวู้ดที่เตรียมเข้าฉายต่อเนื่องตลอดทั้งไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ทำให้ประเมินว่าลูกค้าจะกลับเข้ามาดูหนังในโรงภาพยนตร์อย่างมาก และมองการผ่อนคลายมาตรการในระยะต่อ ๆ ไป จะทำให้โรงภาพยนตร์ของ MAJOR กลับมาให้บริการได้เต็มที่มากขึ้น ส่งผลการฟื้นตัวและเริ่มเห็นการพลิกกลับมามีกำไรในไตรมาส 4/64
ขณะเดียวกันหลังจากที่ขายหุ้น SF ให้กับ CPN ไปแล้ว จะมีการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามากว่า 2.8 พันล้านบาท ซึ่งมองว่าส่วนหนึ่ง MAJOR จะนำไปชำระคืนหนี้ และนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวีบยนและเงินลงทุนรองรับการขยายสาขา อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังต้องติตดาม อย่างไรก็ตามในแง่ภาพรวมของผลการดำเนินงานบริษัทในปีนี้จะต้องมองข้ามไป เพราะยังเป็นปีที่เผชิญผลขาดทุนทั้งปี 64 อยู่ แต่จะเห็นการพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ในปีหน้า หลังจากเป็นช่วงเริ่มต้นการกลับมาให้บริการโรงภาพยนตร์ในไตรมาส 4/64
ด้านนางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า MAJOR จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/64 หลังจากที่ภาครัฐอนุญาตให้เปิดบริการโรงภาพยนตร์ได้ แม้ว่าจะยังมีเงื่อนไขในการเปิดอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้การให้บริการในเรื่องที่นั่งในโรงหนังที่ยังไม่สามารถเปิดได้เต็ม 100% และการขายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มเข้าไปกินในโรงหนังยังไม่สามารถให้บริการได้ แต่มองว่าคนจะกลับเข้ามาดูหนังมากขึ้นหลังจากที่อั้นมานานหลายเดือน ซึ่งมีหนังใหญ่จากฮอลลีวู้ดจ่อเข้าฉายตั้งแต่กลับให้บริการในต้นเดือนต.ค.นี้มาต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้รายได้จากการขายตั๋วหนังเข้ามา
ขณะที่ในส่วนของรายได้จากค่าโฆษณาในโรงหนังจะเริ่มกลับมาด้วยเช่นกัน และเริ่มมีการกลับมาทำสัญญาการโฆษณาในโรงหนังกับลูกค้าผู้ประกอบการต่างๆอีกครั้ง ทำให้จะมีรายได้จากค่าโฆษณาที่หายไปในช่วงล็อกดาวน์กลับเข้ามา หนุนต่อการเริ่มฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน แม้ว่าจะยังมีโอกาสขาดทุนในปี 64 แต่คาดหวังการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปีหน้าแทน อีกทั้งการขาย SF ให้กับ CPN นักลงทุนยังมีโอกาสลุ้นการจ่ายเงินปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งคาดว่าจะจ่ายในอัตรา 1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นผลตอบแทนราว 4% พร้อมมองภาพการฟื้นตัวในปีหน้าที่จะกลับมาเติบโตได้โดดเด่นอีกครั้ง
ส่วนนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การกลับมาเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 ส่งผลบวกต่อการกลับมาฟื้นตัวขึ้นของผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 โดยเฉพาะสาขาโรงภาพยนตร์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีสัดส่วนกว่า 90% ของสาขารวมทั้งประเทศ สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ และมีหนังฮอลลีวู้ดดัง ๆ จากค่ายหนังใหญ่เรียงคิวเข้าฉายเป็นจำนวนมากทุกสัปดาห์ตลอด 3 เดือนสุดท้ายของปี 64 ประกอบกับความต้องการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ที่อั้นมานานกว่า 4 เดือน ทำให้คนจะกลับเข้ามาดูหนังในโรงภาพยนตร์อย่างมาก ส่งผลบวกต่อรายได้จากการขายตั๋วหนังกลับมา
แม้ในช่วงแรกของการเปิดจะยังเปิดให้บริการที่นั่งได้เพียง 50% ต่อ 1 โรงภาพยนตร์ แต่การผ่อนคลายในช่วงต่อ ๆ ไปที่จะผ่อนคลายมากขึ้นทำให้ MAJOR จะสามารถเปิดบริการได้เต็มที่ หนุนการพลิกฟื้นกลับมามีกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และคาดหวังการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 65 หลังจากที่ผ่านพ้นแรงกดดันจากโควิด-19 ในปี 64 ไปแล้ว
อีกทั้งยังลุ้นหลังจากการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 MAJOR อาจจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลพิเศษจากการขายหุ้น SF ให้กับทาง CPN ซึ่งคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น 1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.8% โดยยังให้คำแนะนำ "ซื้อ" แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับเพิ่มมาตอบรับข่าวไปบางส่วนแล้ว แต่ยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 24 บาท/หุ้น ราว 10-12%