(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: วิตกซับไพรม์ระลอกใหม่ ฉุดฮั่งเส็งปิดลบ 416.41 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 27, 2007 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นธนาคารพาณิชย์ต่างๆได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องวิกฤตตลาดซับไพรม์อีกครั้ง หลังจากที่มีข่าวว่าเอชเอสบีซีได้จัดหาเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยพยุงกองทุน 2 แห่งที่ลงทุนในตราสารปรับโครงสร้าง (SIV) ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดสินเชื่อ และข่าวที่ว่ากองทุนเทมาเส็ก โฮลดิ้งของสิงคโปร์กำลังขายหุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ฉุดให้บรรยากาศในตลาดในวันนี้ซบเซา เนื่องจากซิตี้กรุ๊ปได้ออกมาเตือนว่าอาจจะลดต้นทุนการดำเนินงาน อันเนื่องมาจากภาวะปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถไต่ระดับขึ้นจากระดับต่ำสุดของวัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มบริษัทถ่านหินของจีน อาทิ ไชน่า โคล และเชินหัว เอ็นเนอจี ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ราคาถ่านหินจะเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า เนื่องจากปริมาณถ่านหินอาจมีไม่เพียงพอกับความต้องการ
ดีลเลอร์คาดการณ์ว่า การซื้อขายยังคงไร้ทิศทางในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากสัญญาล่วงหน้าต่างๆจะหมดอายุลงในวันพฤหัสบดีนี้ และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสหรัฐในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 416.41 จุด หรือ 1.51% ปิดที่ 27,210.21 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 26,637.61 และ 27,552.34 จุด ปริมาณการซื้อขาย 1.20 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง
หุ้นเอสเอชบีซี ปิดลดลง 2.60 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.65% ขณะที่หุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ตกลง 0.22 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 5.19%
"ปัจจัยลบจำนวนมากยังคงเป็นปัญหาสำหรับนักลงทุน และฉุดให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดซบเซาลง" วินเนอร์ ลี ผู้ช่วยผู้อำนวยการจากบีเอ็นพี พาริบาสกล่าว
"ปัจจัยลบต่างๆ ประกอบกับภาวะวิกฤตตลาดซับไพรม์ระลอกใหม่ในตลาดหุ้นฮ่องกง และโครงการนักลงทุนสถาบันที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (QDII) ของจีน ซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนของจีนสามารถเข้าไปลงทุนในต่างประเทศได้นั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาต้องให้ความสนใจกับสถานการณ์ในตลาดหุ้นนิวยอร์กมากขึ้น" เธอกล่าว
"นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่เอชเอสบีซีได้ประกาศจัดหาเงินเพื่อช่วยพยุงกองทุน 2 แห่งที่ลงทุนในตราสารปรับโครงสร้าง (SIV) ดังนั้นนักลงทุนจะไม่กล้าแห่เข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ขาดความแน่นอนเช่นนี้" เธอกล่าว
"จากความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นต่างประเทศ ดิฉันเชื่อว่านักลงทุนจำนวนมากจะยับยั้งการการซื้อขาย จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลงแล้ว" ลีกล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงรอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดขายบ้านในเดือนต.ค. และตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
หุ้นกลุ่มบลูชิพนั้น หุ้นไชน่า โมบาย ปิดลดลง 2.10 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.56% หุ้นไชน่า ไลฟ์ ลดลง 1.20 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 2.91% และหุ้นฮัทชิสัน วัมเปา ลดลง 2.20 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 2.47%
หุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ลดลงในวันนี้ หลังจากที่เทมาเส็กได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ในแบงค์ ออฟ ไชน่า มูลค่า 1.08 พันล้านหุ้น ผ่านทางบริษัทในเครือ คือ เอเชีย ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ เพื่อที่จะปรับปรุงและสร้างสมดุลให้กับผลการดำเนินงานของกองทุน
ก่อนที่จะมีการขายหุ้นดังกล่าว เทมาเส็กถือหุ้นแบงค์ออฟไชน่าที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง 1.179 หมื่นล้านหุ้น หรือประมาณ 15.5% ของหุ้นที่มีการจำหน่ายในตลาดหุ้นฮ่องกงจำนวน 7.6 หมื่นล้านหุ้น ซึ่งถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของธนาคารแบงค์ ออฟ ไชน่า
ในหุ้นกลุ่มการเงินนั้น หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ขยับลง 0.09 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.21% หุ้นไอซีบีซี ลดลง 0.11 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.79% และหุ้นแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ลดลง 0.04 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 0.33%
ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงปรับตัวลดลงจากแรงทขายทำกำไร หลังจากที่ได้พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้
โดยหุ้นเฉิงกง ลดลง 1.90 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1.36% หุ้นเฮนเดอร์สัน แลนด์ เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 2.19% หุ้นซัน ฮุง ไก พร็อพเพอร์ตี้ส์ ลดลง 1.10 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 0.76% และหุ้นซิโน แลนด์ ลดลง 0.65 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 2.57%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ