บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ประเมิน SET Index สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,590-1,630 จุด โดยมีปัจจัยกระทบการลงทุน ได้แก่ ประชุมโอเปกพลัส (OPEC+) วันจันทร์คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนที่ OPEC+ เคยส่งสัญญาณไว้ราว 4 แสนบาร์เรล/วัน ดังนั้นหากออกมาเป็นไปตามที่ประเมินแบบข้างต้นมองไม่มีผลใดๆ กับราคาน้ำมัน แต่หากเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าประเมินไว้อาจกดดันราคาน้ำมันดิบให้ปรับฐานในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นมองเป้าหมายไตรมาส 4/64 ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากฝั่งอุปสงค์มีโอกาสขยายตัวตามความต้องการที่สูงขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ และกระจายวัคซีนของหลายๆ ประเทศทั่วโลกมอง PTTEP จะรับผลบวกมากสุด
สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ปัจจุบันครบ 1 เดือนที่ผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ หากสัปดาห์นี้ยังทรงตัวได้ราว 1 หมื่นราย +/- จะถือเป็นเรื่องที่ดีและหากเห็นจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่า 9,489 รายจะยิ่งเป็นบวกกับตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าภาครัฐจะผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น เป็นบวกต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจในภาพรวม
ภาคแรงงานสหรัฐในวันศุกร์ Bloomberg คาดการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 4.9 แสนตำแหน่งพร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 5.1% ปัจจุบันตลาดกำลังกังวลกับประเด็นเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขที่ออกมาหากจะให้เป็นบวกกับตลาดคือใกล้เคียงคาดหรือแย่กว่าคาด เพื่อลดความกังวลด้านเงินเฟ้อ จากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมามองว่ายังไม่มีนัยยะมากพอที่จะพลักดันให้ SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวได้ไกลจึงมองกรอบทั้งสัปดาห์เพียง 1590-1630 จุด
กลยุทธ์การลงทุน SET INDEX ปรับฐานจากจุดสูงสุดลงมา 2% ส่งผลให้ระดับ Valuation เริ่มน่าสนใจสำหรับการเข้าลงทุนแนะ Domestic Play ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากการผ่อนคลาย อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ส่วนระยะสั้นก็ยังมอง Domestic Play น่าสนใจเช่นกัน
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 37.5 บาท) ราคาหุ้นยังค่อนข้างปรับตัวขึ้นน้อยสวนทางกับผลประกอบการในปี 65 ที่คาดจะเห็นการเติบโตก้าวกระโดดราว 300% (ฐานต่ำส่วนนึง) พร้อมคาดไตรมาส 3/64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ขณะเดียวกันจะเป็นผู้ได้ประโยชน์หากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
PLANB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 7.7 บาท) มุมมองเชิงบวกต่อการเข้าซื้อทรัพย์สินของ MACO มูลค่า 640 ล้านบาท โดยจะทำให้ค่าตอบแทนซึ่งเดิมบริษัทต้องจ่ายให้กลุ่ม MACO ภายใต้สัญญาบริหารจัดการการตลาดและขายสื่อโฆษณา ลดลงเหลือเพียง 250 ล้านบาทต่อปีจากเดิม 700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหากการซื้อทรัพย์สินเสร็จสิ้นภายในเดือน ม.ค. ปี 2565 จะทำให้ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของ PLANB ในปี 65 เพิ่มขึ้นกว่า 20%