SAMCO จับมือพันธมิตรคิกออฟรุกบ้านหรูประเดิมโซนเอกมัย-รามอินทรา,มั่นใจปีนี้พลิกกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 4, 2021 16:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร (SAMCO) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลยุทธ์การพัฒนาโครงการมาเป็นบ้านระดับ Luxury ที่ยังคงมีกำลังซื้อและความต้องการมากในปัจจุบัน โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการ PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ 3 ชั้น บนทำเลเอกมัย-รามอินทรา มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท เปิดพรีเซลล์วันที่ 9-10 ต.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นการคิกออฟรุกตลาดบ้านหรูครั้งแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ บริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด

"ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ที่มีปัจจัยลบเข้ามาส่งผลกระทบ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการต่างต้องหาวิธีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองให้ยังดำเนินต่อไป สัมมากรก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเรามีการปรับตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาระบบภายในเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเท่าทันต่อความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านการพัฒนาโครงการและการทำแคมเปญตลาด ทั้งนี้จากการสำรวจความต้องการปัจจุบันเราเล็งเห็นว่าในบางเซกเมนต์ยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง"นายณพน กล่าว

นายกล้ายุทธ จินตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเครือสิริมงคล และธุรกิจรถยนต์นำเข้าระดับพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ Rabbit Auto Craft

ความร่วมมือกับ SAMCO พัฒนาโครงการ PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra นับเป็นการขยายตลาดมาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเรา โดยมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ SAMCO 51% และ แอสเซท โปร กรุ๊ป 49% โดยเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์การดูแลลูกค้าระดับพรีเมี่ยมและกลุ่มนิชมาร์เก็ตของเรา ผนวกกับความเชี่ยวชาญของทีมงานสัมมากรในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง จะสร้างความต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมายที่พวกเราวางไว้ รวมถึงสามารถสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้ และส่งผลให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

นายณพน กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้รายได้จะเติบโต และจะพลิกมีกำไรสุทธิ จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,416.94 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 64.19 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น และจากสถานการณ์โควิด-19 ยังหนุนให้ผู้บริโภคหันมาซื้อบ้านแนวราบกันมากขึ้น

แม้ว่าที่ผ่านมายอมรับว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีผลกระทบต่อบริษัท แต่จากการติดตามและประเมินผลกระทบต่างๆ ทำให้บริษัทได้ปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมขององค์กรและสินค้า ที่มีการปรับเปลี่ยนทั้งภาพลักษณ์ ฟังก์ชั่น ดีไซน์ ให้มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการแต่ละเซกเมนต์ ของตลาด ส่งผลให้ที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตไปในทิศทางบวก และยังคงมีเรียลดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่าราว 200-300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ว่ามูลค่า Backlog ของบริษัทจะไม่สูงมากนักแต่เป็นโครงการแนวราบที่สร้างเสร็จแล้วมีการโอนได้ค่อนข้างเร็ว พร้อมกันนี้บริษัทได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 4/64 อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 850 ล้านบาท นอกเหนือจาก PROVIDENCE LANE Ekkamai-Ramintra ยังมีโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง ได้แก่ TWO ekkamai มูลค่าโครงการ 150 ล้านบาท และ ONE GATE รามอินทรา มูลค่า 200 ล้านบาท

ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE) ที่ปรึกษาด้านงานขาย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจและมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมที่ชะลอตัว ทั้งนี้ตลาดบ้านเดี่ยวถือว่าเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียมเพราะเป็นตลาดของผู้อยู่อาศัยเอง (End User) เป็นหลัก

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเดี่ยวโดยเฉพาะระดับลักชัวรี่ที่มีราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไปยังค่อนข้างคึกคัก มีการเปิดตัวสูงถึง 439 หลังในปี 63 และมียอดขายอยู่ในเกณฑ์คงที่ประมาณ 60?68% ปัจจัยสำคัญเพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนเห็นความสำคัญของบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้งาน ทำเลที่ได้รับความนิยมมากอันดับต้นๆ คือ กรุงเทพ ชั้นในฝั่งตะวันออกและตอนเหนือ โดยทำเลกรุงเทพชั้นในฝั่งตะวันออกมีโครงการมากสุดถึง 1,073 หลัง ส่วนฝั่งเหนือ มีซัพพลายน้อยกว่าด้วยข้อจำกัดของที่ดิน ทำให้มีอัตราการดูดซับดีที่สุดและมียอดขายไปแล้ว 87%

ในด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญเรื่องพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย มีพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในบ้าน มีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก อาทิ ERV (Energy Recovery Ventilator) เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ ที่ช่วยดูดความร้อนออกจากบ้านและเติมความเย็นเข้าไปในตัวบ้านทำให้บ้านเย็น เป็นต้น และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องทำเล ลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมรอบโซนที่อยู่อาศัย เน้นใกล้เมืองที่สามารถเดินทางเข้าออกได้ หลายทาง เชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ ได้ง่าย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ