นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจการบิน บมจ. การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ธุรกิจการให้บริการในหมวดหมู่อาหารและเบเกอรี่ยังเป็นที่ต้องการ และมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายครัวการบิน การบินไทย มีศักยภาพที่จะรองรับการเจริญเติบโตดังกล่าว จึงเล็งเห็นแนวทางการขยายธุรกิจที่นอกเหนือจากธุรกิจการบิน (Non-Aviation) ด้วยการขยายสาขาร้าน Puff&Pie ผ่านโมเดลแฟรนไชส์ โดยการแสวงหามาสเตอร์แฟรนไชส์ และจับมือเป็นพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจ ซึ่งมาสเตอร์แฟรนไชส์ จะเข้ามาเป็นผู้มีบทบาทสนับสนุนในการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ร้าน Puff&Pie ร่วมกันต่อไป
ฝ่ายครัวการบิน บริษัท การบินไทยฯ จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมประมูลเพื่อรับสิทธิการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้าน Puff&Pie โดยเปิดซื้อเอกสารและแบบสำหรับการเสนอผลประโยชน์ ในราคาชุดละ 2,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่กลุ่มงานบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ ชั้น 3 ฝ่ายครัวการบิน ดอนเมือง ระหว่างวันที่ 7-14 ต.ค.64
และกำหนดชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 15 ต.ค.64 กำหนดยื่นซองเสนอผลประโยชน์พร้อมหลักประกันซอง ในวันที่ 8 พ.ย.64 กำหนดนำเสนอแผนงานในวันที่ 15-16 พ.ย.64 และกำหนดวันเปิดซองในวันที่ 18 พ.ย.64
นางวรางคณา กล่าวว่า การเปิดหามาสเตอร์แฟรนไชส์ร้าน Puff&Pie เพื่อช่วยในการบริหารและขยายร้าน Puff&Pie ให้เติบโตรวดเร็วแบบก้าวกระโดด สอดรับกับแผนธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยจะให้สิทธิบริหารระยะเวลา 5 ปีโดยการบินไทยจะช่วยกำกับดูแลและส่งอาหารให้ เพราะที่ผ่านมาบริษัทเปิดสาขาใหม่ได้ปีละไม่เกิน 10 สาขา โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาร้าน Puff&Pie 40 สาขา ในกรุงเทพฯและปริมณฑล
"การทำมาสเตอร์แฟรนไชส์เพื่อจะขยายสาขา และทำระบบหลังบ้านดูแล 100-200 สาขาจากปัจจุบันที่เราขยายได้ไม่มาก... เพื่อทำให้เราขยายรายได้ Non-Aero ตาม Business Model ใหม่ เพราะ Puff&Pie เป็นแบรนด์ที่คนรู้จัก ขนมเราก้ได้มาตรฐาน คนที่ได้มาสเตอร์แฟรนไชส์ก็จะเหมือนเป็น distributor และก็รับส่วนแบ่งรายได้ ใครเสนอผลตอบแทนดีที่สุดก็ชนะไป"
นางวรางคณา คาดว่าจะรู้ผลการประมูลได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ และคาดเริ่มดำเนินการในต้นปี 65 นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นที่เตรียมจะเปิดประมูลลักษณะนี้ ได้แก่ กลุ่มภัตตาคารที่มีร้านอร่อยล้นฟ้า เป็นต้น