(เพิ่มเติม) "มาริษ" คาดปี 51 สินทรัพย์กองทุนรวมทั้งระบบโต 20-30% มาที่ 1.9 ล้านลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 5, 2007 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายมาริษ ท่าราบ ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนและประธานกลุ่มธุรกิจกองทุน คาดว่า ในปี 51 ธุรกิจกองทุนรวมทั้งระบบจะมีทรัพย์สินสุทธิรวมเติบโต 20-30% มาที่ 1.9 ล้านล้านบาท จากปี 50 ที่คาดว่าจะเติบโต 25% หรือคิดเป็น 1.52 ล้านล้านบาท หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีทิศทางที่ดี ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็จะปรับตัวดีขึ้น 
รวมทั้ง จากกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยเฉพาะหากพ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ก็จะช่วยผลักดันให้มีเงินลงทุนส่วนหนึ่งไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น
นอกจากนี้ ภายในสัปดาห์นี้สมาคมบลจ.จะทำหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอยกเว้นมาตรการสำรอง 30% สำหรับเงินลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อคงสัดส่วนหุ้นไว้กรณีที่มีการขยายขนาดกองทุนฯ ซึ่งจากการเจรจาในเบื้องต้นก่อนหน้านี้ทางธปท.ตอบรับด้วยวาจาว่าจะนำมาพิจารณา ส่วนจะอนุมัติเมื่อไหร่ขึ้นกับดุลพินิจของธปท.แต่ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนคงไม่สามารถดำเนินการได้ทัน เพราะกระบวนการเพิ่มทุนได้เสร็จสิ้นไปแล้ว
นายมาริษ กล่าวว่า ทางสมาคมบลจ.จะหารือกับกรมสรรพากร เพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ได้มาจากการออกไปลงทุนต่างประเทศของกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวทฟันด์)ที่ทางการกำลังให้การสนับสนุนให้มีการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น
สำหรับกรณีที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกกฏควบคุมการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF)ให้ดำเนินการภายใน 60 วันหลังจากได้รับการอนุมัติจัดตั้งกองทุน นายมาริษ กล่าวว่า เชื่อว่าเจตนาของก.ล.ต.คงต้องการให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธินั้น ๆ เพราะวงเงินที่อนุมัติไปส่วนหนึ่งเป็นการตัดโอกาสของบริษัทจัดการรายอื่นที่ต้องการวงเงินด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน กองทุนต่างประเทศที่ได้รับการอนุมัติวงเงินไปแล้วแต่ยังไม่เปิดขายหน่วยลงทุนมีมูลค่ารวมเกือบเท่าตัวของจำนวนวงเงินที่เปิดขายไปแล้วทั้งสิ้น 2,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ณ วันที่ 28 กันยายน 2550 กองทุนรวมมียอดทรัพย์สินสุทธิรวม 1,515,466 ล้านบาท เติบโตจาก 1,222,270 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 คิดเป็นร้อยละ 23.58

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ