โบรกฯเชียร์"ซื้อ"EGCO คาดชนะ IPP อย่างน้อย 1 โรง/โรงไฟฟ้าใหม่หนุนกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 22, 2007 11:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกฯ แนะ"ซื้อ"หุ้น EGCO ประเมินภาพดูดีที่สุดในกลุ่มยื่นประมูลโรงไฟฟ้า IPP หลังจาก RATCH หลุดไปเพราะปัญหาคุณสมบัติ คาด EGCO ชนะประมูลอย่างน้อย 1 โรง 800 เมกะวัตต์ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวค่อนข้างดีจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า BLCP,แก่งคอย 2 เฟส 1 ที่เดินเครื่องแล้วเมื่อ พ.ค.50 และคาดว่าโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 เฟส  2 จะเริ่มเดินเครื่องได้ก่อนมี.ค.51 หนุนผลประกอบการแข็งแกร่งช่วง 3 ปีข้างหน้า รวมทั้งมีแผนแตกพาร์เพิ่มสภาพคล่องหุ้น
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.บีฟิท ซื้อ 134
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 141
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 140
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 132
บล.ฟาร์อีสท์ ซื้อลงทุน 131
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า EGCO ยื่นซองประมูลโรงไฟฟ้า(IPP)รอบนี้ 3 โครงการ รวมกำลังการผลิต 2,800 เมกะวัตต์ มองโอกาสที่จะชนะอยู่อันดับต้นๆ คือโครงการที่ขนอม รองลงมาที่ราชบุรีและที่ระยอง ซึ่งมีการแข่งขันสูง อย่างไรก็ตาม อย่างน้อย EGCO น่าจะชนะเกิน 1 โครงการ แต่ทางผู้บริหารก็มองว่าคู่แข่งจากต่างชาติจะเข้ามาสู้ที่การเสนอราคาค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่าด้วย
สำหรับโครงการที่ราชบุรีอยู่ที่ประเด็นของ RATCH ที่แม้ว่าจะหลุดไป แต่ก็ยังมีสิทธิกลับมาได้หากกฤษฎีกาตีความว่าคุณสมบัติไม่ขัดต่อการยื่นประมูล IPP ซึ่งหาก RATCH กลับมาก็จะเป็นคู่แข่งสำคัญของ EGCO ที่จ.ราชบุรี ขณะที่ในโซนตะวันออกมีการแข่งขันสูง เพราะมีผู้เข้าประมูลมากและมีต้นทุนสิ่งแวดล้อมมากกว่าโซนอื่น
กรณีการศึกษาแตกพาร์ เชิงพื้นฐานไม่มีผลอะไรมากนัก แต่ในแง่ของการเทรดดิ้ง หุ้น EGCO ปัจจุบันมีฟรีโฟลต 50% ถือว่าไม่น้อย แต่บังเอิญส่วนใหญ่ถือโดยสถาบันทำให้การซื้อขายเปลี่ยนมือค่อนข้างต่ำ เพราะหุ้นกิจการไฟฟ้าถือเป็น long term invesment รับเงินปันผลสม่ำเสมอจนกว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา ฉะนั้น ถึงแม้แตกพาร์ทำให้ปริมาณหุ้นมากขึ้นแต่หากนักลงทุนสถาบันยังเป็นผู้ซื้อก็คงมีสภาพเหมือนเดิม
พื้นฐานแนะนำ"ซื้อ"สิ่งที่น่าสนใจคือกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาตั้งแต่ปี 50-52 จะมี potential growth ที่จะชดเชยโรงไฟฟ้าเก่าที่เคยเป็นตัวสร้างรายได้หลัก คือ โรงไฟฟ้าระยองกับขนอม ก็จะเปลี่ยนไปสู่โรงไฟฟ้าใหม่ที่เข้ามาอิทธิพลในด้านการทำกำไรมากขึ้น
"เรื่องประมูลโรงไฟฟ้าถ้าชนะก็เป็นผลบวก แต่ผลตอบแทนอาจจะสู้รอบอื่นๆ ไม่ได้ แนะซื้อให้ราคาเป้าหมายสำหรับปีหน้าที่ 134 บาท" นายอนุพนธ์ กล่าว
ด้านนางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า EGCO ประมูลโรงไฟฟ้าไป 3 พื้นที่ ถือว่ามีความพร้อมที่สุดน่าจะชนะประมูล 1 โรง ทั้งเรื่องประสบการณ์ ความพร้อม และพื้นที่ ขณะนี้ดูดีที่สุดเพราะ RATCH ก็ตกไปแล้ว ราคานี้ยังแนะซื้อให้ราคาเป้าหมายที่ 141 บาท (ยังไม่รวมโรงไฟฟ้าใหม่)
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น EGCO ในประเด็นเดียวกันคือโอกาสชนะประมูล IPP ค่อนข้างสูงอย่างน้อย 1 โรง ขนาด 800 เมกะวัตต์ แนวโน้มต้นเดือนธ.ค.น่าจะประกาศการประมูลได้ อีกส่วนหนึ่งคือโรงไฟฟ้าส่วนขยายที่ยื่นที่ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ก็มีโอกาสสูงที่จะชนะ IPP เช่นกัน เพราะทางใต้ยังขาดแคลนไฟฟ้าอยู่ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะชนะ 2 โรง แต่อย่างน้อยน่าจะได้ชนะ 1 โรง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานที่ 140 บาท
"EGCO ดูดีที่สุดในกลุ่มที่ประมูล IPP ที่เหลือทั้งหมด"นายกิติชาญ กล่าว
บล.โกลเบล็ก เห็นว่าที่ราคาปิดล่าสุดยังมี Upside Gain 12.8% และปันผลประมาณ 4%-5%/ปี แนวโน้มยังดีทั้งระยะสั้นและยาวเนื่องจาก EGCO เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเดียวที่มีโครงการโรงไฟฟ้าใหม่จะทยอยรับรู้ในช่วงปี 50-53 อย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่ แก่งคอย 2,น้ำเทิน 2,ยะลากรีน และอมตะพาวเวอร์ บางปะกง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,616 MW และเป็นส่วนของ EGCO 1,020 MW และเมื่อรวมกับโรงไฟฟ้า BLCP กำลังการผลิต 1,434 MW ซึ่งรับรู้รายได้แล้วตั้งแต่ต้นปี 50
คาดโครงการในมือดังกล่าวจะหนุนให้ผลประกอบการยังแข็งแกร่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่แนวโน้มในระยะยาว EGCO ยังมีลุ้นค่อนข้างมากจากการประมูล IPP รอบนี้ (EGCO ยื่นประมูลไปทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ ระยอง ราชบุรี และขนอม กำลังการผลิตรวม 2,800 MW ) โดยคาด EGCO จะชนะประมูลอย่างน้อย 1 โรง(800 MW) ซึ่งหากเป็นไปตามคาดจะหนุนให้กำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
บล.ฟาร์อีสท์ ปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสม EGCO เป็น 131 บาท จากแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวที่ค่อนข้างดีซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 เฟส 1 ที่เดินเครื่องแล้วเมื่อ พ.ค.50 และคาดว่าโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 เฟส 2 จะเริ่มเดินเครื่องได้ในช่วง มี.ค.51
รวมทั้งแนวโน้มที่ EGCO จะเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าประมูลไอพีพีรอบ 2 ที่จะประกาศผลในเร็วๆนี้ โดยเห็นว่า EGCO เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทยที่มีศักยภาพในการประมูลไอพีพีในรอบนี้ ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าหาก EGCO ชนะการประมูลโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกะวัตต์อย่างน้อย 1 โรง ซึ่งจะทำให้มูลค่าเหมาะสมของ EGCO เพิ่มขึ้นประมาณ 4 บาท/หุ้น
นอกจากนั้น คาดว่า EGCO จะสามารถจ่ายปันผลได้ 4.50 บาท/หุ้นในปีนี้ คิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.84% โดยได้จ่ายปันผลระหว่างกาล 2.25 บาท/หุ้น จากราคาปิดที่ 117.00 บาท มี Upside 8.54%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ