นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว (SECURE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 65 จะเติบโตขึ้นจากปี 64 จากความต้องการใช้ระบบ Cybersecurity ขององค์กรภาคเอกชนและรัฐจะสูงขึ้น จากความกังวลในประเด็นที่เกิดขึ้นในปีนี้ที่ระบบองค์กรขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชนถูกแฮกเกอร์เจาะเข้าระบบเอาข้อมูลของลูกค้าและองค์กรไป ทำให้หลายองค์กรกลับมาคำนึงถึงการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของระบบการรักษาความปลอดภัย
ประกอบกับแผนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่คาดว่าจะไม่ถูกเลื่อนการใช้ออกไปแล้ว ส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ระบบ Cybersecurity ที่จะช่วยป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล โดยที่บริษัทจะเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Cybersecurity ขั้นสูง ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบบปกติ
โดยผลิตภัณฑ์ Cybersecurity ขั้นสูง 2 ประเภทที่บริษัทจะเน้นในปีหน้า ได้แก่ Data Security หรือระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผลิตภัณฑ์จะตอบโจทย์ความต้องการใช้ในปัจจุบันมาก และ Cloud Security เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ระบบ Cloud ในประเทศขยายตัวสูงขึ้น ข้อมูลในระบบมีจำนวนเพิ่มขึ้นสอดคล้องกัน ดังนั้นความต้องการ Cloud Security ทำให้มีความจำเป็นอย่างมาก และสำหรับสินค้า Cloud Security บริษัทมีลูกค้ารอให้บริการแล้ว คาดจะดำเนินการได้ภายในช่วงที่เหลือของปี 64
ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ ภาครัฐอยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณใหม่ ส่วนภาคเอกชนคาดจะเห็นการลงทุนในอีก 6 เดือนข้างหน้า และหากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวชัดเจนคาดว่าการลงทุน Cybersecurity จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาในประเทศไทยมีจำนวนแฮกเกอร์ระบบสูงขึ้นทุกวัน หลังจากที่มีประเด็นใหญ่เกิดขึ้นกับการล้วงข้อมูลคนไข้จากฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณะสุข โดยที่สัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าของบริษัทจะมาจากภาคเอกชนเป็นส่วนใหญ่ในสัดส่วน 46-48% และสัดส่วนกลุ่มลูกค้าภาครัฐที่ 30% และส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อย
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/64 บริษัทจะเปิดให้บริการ Technical Support Center ที่จะเข้ามาเสริมงานด้านบริการให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่ใช้บริการระบบของบริษัท โดยที่บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 64 จะยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% จากปีก่อน และยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาด (Market share) อันดับ 1 ในประเทศ