นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 64 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการจำหน่ายสินค้าด้าน IT และมีการเปิดตัวสินค้า IT ของทุกๆยี่ห้อ โดยเพาะการเปิดจำหน่าย iPhone 13 ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ และในปีนี้ถือว่าประเทศไทยสามารถจำหน่ายได้เร็วกว่าในทุกๆปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่าย iPhone เข้ามาเต็มไตรมาส
"ปกติกว่าจะเริ่มขาย iPhone ก็เป็นช่วงปลายปีแล้ว แต่ปีนี้เราสามารถเริ่มจำหน่ายได้ในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค นอกเหนือจากช่วงไฮซีซั่นของสินค้าไอทีแล้ว ยังมีสินค้าใหม่ๆที่เปิดตัวหนุน ในขณะเดียวกันเราเชื่อว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการใหม่ๆออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมด้วย เราจึงมั่นใจว่าปัจจัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะหนุนให้ปีนี้เราเติบโตมากในช่วงไตรมาส 4 "นายสุระ กล่าว
ด้านภาพรวมรายได้ทั้งปี 64 นี้บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 15-20% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/64 จะมีผลกระทบบ้างจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ภาครัฐบาลใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) กระทบกับสาขาในห้างสรรพสินค้าให้ปิดตัวไปราว 1 เดือนครึ่ง แต่ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ยังสามารถเติบโตได้จากความต้องการสินค้า IT ที่เพิ่มขึ้น และไตรมาส 4/64 จะเข้ามาช่วยหนุนให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าในปี 65 จะยังคงมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 100 สาขา ด้วยงบลงทุนราว 300-400 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายสาขาในรูปแบบ Stand Alone มากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะมีเป้าหมายการเปิดให้ครบทุกจังหวัด หลังจากที่ผ่านมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ร้านตามห้างสรรพสินค้าถูกสั่งปิดจำนวนมาก พร้อมคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าสาขาของบริษัทจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,500 แห่ง
ขณะที่ช่วงที่เหลือของปี 64 บริษัทเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีกราว 40-50 สาขา และ ณ สิ้นปีจะมีสาขารวมทั้งหมด 1,000 สาขา เพื่อที่จะรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้ทุกพื้นที่