นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO) เปิดเผยว่า บริษัทชนะการประมูลงานโครงการของภาครัฐอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการของสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นการพัฒนาระบบ "ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์" และ "ลายมือชื่อดิจิทัล" สำหรับระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรมหรือ C.A. (Certificate Authority) มูลค่าโครงการราว 68 ล้านบาท
วัตถุประสงค์ที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดทำโครงการ C.A. ขึ้นมาเพื่อยกระดับในเรื่องของความปลอดภัยของเอกสารภายในระบบ และเพื่อความถูกต้องน่าเชื่อถือ อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานศาลยุติธรรมที่ต้องการพัฒนาระบบงานในศาลไปสู่ระบบดิจิทัลเช่น เอกสาร และสำนวนคดีต่าง ๆ ดังนั้นโครงการ C.A. จึงเป็นการต่อยอดจากโครงการเดิม
"ในอนาคตโครงการ C.A. จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญตัวหนึ่งในการต่อยอดไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และกำลังเร่งพัฒนาไปสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น" นายฐกร กล่าว
โครงการที่ 2 เป็นโครงการพัฒนาระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยในปี 2565 เพื่อนำรายได้มาจัดตั้งเป็นกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาแห่งประเทศไทยที่เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ มูลค่าโครงการ 34 ล้านบาท โดยมี บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) ร่วมเป็นพันธมิตร
นอกจากนี้ยังมีโครงการบริหารจัดการระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Document Management Solutions) ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการจัดเก็บเอกสารทั้งหมดของกรม จากเดิมที่เป็นเอกสารกระดาษมาเป็นเอกสารในระบบดิจิทัลตั้งแต่หนังสือสัญญา วีดีโอ และภาพถ่ายต่าง ๆ มูลค่าโครงการ 12 ล้านบาท
"สำหรับงานบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากปัจจุบันเอกชนให้ความสนใจกันมาก ล่าสุดทางบริษัทได้ทำสัญญากับลูกค้าที่เป็นบริษัทเอกชนหลายราย อยู่ในทั้งธุรกิจอุตสาหกรรม และสถาบันการเงิน เนื่องจากสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานที่ต่างไปจากเดิม บริษัทเอกชนต่าง ๆ จึงหันมาให้ความสนใจ และเริ่มใช้บริการระบบงานเอกสารดิจิทัลกันมากขึ้น" นายฐกร กล่าว
นายฐกร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จนถึงไตรมาส 3/64 มีปริมาณงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย มูลค่า 100 ล้านบาท ในการนำหลังโฉนดที่ดินเข้าระบบอิเล็กทรอนิกส์ เฟสแรกจำนวน 3 ล้านแปลง โดยปัจจุบันที่ดินทั่วประเทศมีทั้งหมดกว่า 33 ล้านโฉนด และ นส.3ก จำนวน 5 ล้านโฉนด เชื่อว่าทางกรมที่ดินน่าจะมีนโยบายต่อเนื่องในการนำหลังโฉนดที่ดินส่วนที่เหลือทั้งหมดเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน
โครงการท้องฟ้าจำลอง ณ ศูนย์วิทยาศาสต์เพื่อการศึกษาจังหวัดพิษณุโลก มูลค่า 175 ล้านบาท ของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นการติดตั้งระบบเครื่องฉายดาวด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบ Hybrid มีรายละเอียดของการฉายภาพแบบ Full Dome ความละเอียดสูงเทียบเท่า 8K และมีระบบการชมภาพแบบ 3 มิติ ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ DITTO ร่วมกับพันธมิตร อีก 3 รายในนามธุรกิจร่วมค้า ADGM ดำเนินโครงการ Hybrid CSOC กับบริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์ เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) ในเครือธนาคารกรุงไทย จัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภทฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์จัดหาบุคลากร และปรับปรุงกระบวนการทำงาน รวมถึงการปรับปรุงสถานที่ในการปฏิบัติงานเพื่อรับมือและป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์ มูลค่าโครงการกว่า 939 ล้านบาท โดย DITTO ถือสัดส่วน 40% มูลค่า 370 ล้านบาท และพันธมิตรอีก 3 รายถือสัดส่วนรายละ 20%
"ส่วนที่เหลือจะเป็นโครงการขนาดเล็กอีกหลายโครงการ ส่วนธุรกิจอื่น ๆ เช่นธุรกิจเครื่องพิมพ์ เครื่อง POS และอุปกรณ์ Drive-Thru ยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วงแพร่ระบาดโควิด-19 แบรนด์ต่าง ๆ เช่น Starbucks และ Burger King ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมมีการใช้งานระบบ Drive-Thru เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นการสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อีกช่องทางหนึ่ง" นายฐกร กล่าว