โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ตอบรับการเปิดเมืองมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/64 ส่งผลบวกต่อภาคท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีมาตรการรัฐกระตุ้นท่องเที่ยวทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย รวมถึงผลพวงจากการขยายพื้นที่ท่องเที่ยวภายใต้โมเดลแซนด์บอกซ์ และการกระจายการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น ต่างประเทศก็เริ่มเปิดประเทศรับท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ อย่างเช่น อังกฤษปลดล็อกรายชื่อ 47 ประเทศรวมถึงไทย ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องกักตัวหากฉีดวัคซีนครบโดส
หลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 คาดว่าจะส่งผลให้งวดปี 64 (สิ้นสุด ก.ย.) ขาดทุนอย่างมากถึงราว 1.53 -1.59 หมื่นล้านบาท แต่งวดปี 65 ผลประกอบการมมีแนวโน้มจะค่อยๆกลับมาฟื้นตัว ประเมินมีกำไรสุทธิ 3,300-4,100 ล้านบาท
และในงวดปี 66 คาดว่า AOT จะกลับมามีกำไรอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นธุรกิจผูกขาด ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ราคาหุ้น AOT ปิดเที่ยงที่ 63.75 บาท ลดลง 0.50 บาท (-0.78%) ขณะที่ดัชนี SET ลบ 0.30%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย เคจีไอ ซื้อ 74.50 เมย์แบงก์กิมเอ็ง ซื้อ 74.00 ดีบีเอสฯ ซื้อ 70.00 เอเซียพลัส ซื้อ 70.00
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว AOT เป็นตัวนำตลาด เพราะเป็นธุรกิจผูกขาด ไม่มีคู่แข่ง ขณะที่ช่วงวิกฤติโควิดแม้จะได้รับผลกระทบแต่ก็ได้ช่วยเหลือกลุ่มผู้เช่าพื้นที่ด้วย ซึ่งหากเปิดเมืองส่วนลดดังกล่าวจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ผลประกอบการก็จะดีขึ้น
ปรับประมาณการดงวดปี 64 (สิ้นสุด ก.ย.64) คาดว่าจะมีผลขาดทุน 15,300 ล้านบาท แต่ในงวดปี 65 จะพลิกกลับมามีกำไรถึง 3,300 ล้านบาท เนื่องจากประเมินว่าจะมีผู้ใช้สนามบินมากขึ้น ทั้งจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น โดยระหว่างทางที่มีการระบาดโควิด-19 ก็ยังขยายงานไม่หยุด รวมถึงการขยาย Airport City ที่อยู่ในแผนงาน และเชื่อว่าธุรกิจจะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานจะไปต่ำสุดในงวดไตรมาส 4/64 (ก.ค.-ก.ย.64) จากนั้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้คลี่คลายไปในทางที่ดี และรับผลดีจากการขยายพื้นที่ท่องเที่ยวภายใต้โมเดลแซนด์บอกซ์ ผนวกกับความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนของไทยที่เป็นไปด้วยดี คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนและกระตุ้นให้การเดินทางของประชาชนมีมากขึ้น และส่งผลดีมายัง AOT ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 (ต.ค.-ธ.ค.64)
นายปริญญ์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เผยว่า งวดปี 64 และปี 65 คาดว่าผลประกอบการของ AOT จะถูกกระทบจากทั้งรายได้ และอัตรากำไรที่ลดลงลงจากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และรายได้ของธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินและไม่เกี่ยวกับการบินในปี งวดปี 64 และปี 65 ทั้งนี้ การที่โควิด-19 กลับมาระบาดระลอกสามจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างชาติฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าผลประกอบการของ AOT จะเริ่มดีขึ้นในงวดปี 65 และจะกลับมาอย่างมีนัยสำคัญในงวดปี 66
ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการงวดปี 64 เป็นขาดทุนสุทธิ 1.59 หมื่นล้านบาท (เดิมคาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 8.13 พันล้านบาท) ขณะที่ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิงวดปี 65 ลงเหลือ 4.1 พันล้านบาท (เดิม 1.19 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากเราปรับลดประมาณการรายได้งวดปี 64 -65 ลดลง จากการปรับลดสมมติฐานผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ และ ปรับลด EBIT margin ปี 64-65 เป็น -240.0% (จากเดิม -70%) และ 20.0% (จากเดิม -35.0%)
เคจีไอยังมองผลประกอบการของ AOT จะฟื้นตัวขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มเห็นการกลับมาเปิดพรมแดนบางส่วนในไตรมาส 4/64 โดย AOT มีผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ที่สุดในปี 64 ก่อนที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 65 ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย DEC ปี 65 ใหม่ที่ 75.50 บาท จากเดิมที่ 78.50 บาท
"จะมีการเปิดประเทศมากขึ้นในไตรมาส 4/64 เป็นคีย์หลัก มองว่า ผลประกอบการ AOT จะเปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไรไม่ยาก ถ้าสามารถเปิดประเทศไทย รายได้จะขึ้นค่อนข้างสูง" นายปริญญ์ กล่าว
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น AOT มีโมเมมตัมตามทิศทางการท่องเที่ยวที่ปลดล็อกมากขึ้น และยังมีมาตรการของรัฐ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 โครงการทัวร์เที่ยวไทย ช่วยสนับสนุน นอกจากนี้ อังกฤษยังได้ปลดล็อกรายชื่อ 47 ประเทศรวมไทยที่เคยให้กักตัว 10 วันเป็นไม่ต้องกักตัวหากฉีดวัคซีนครบโดสวัคซีนที่ไดั้รับต้องเป็นแอสตราเซเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นสัญญาณปลดล็อกภาคการท่องเที่ยว หนุนกลุ่มท่องเที่ยว
AOT ในภาพรวมธุรกิจสนามบินเป็นธุรกิจผูกขาด หากเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศฟื้นตัว ก็จะส่งผลดีต่อภาคท่องเที่ยว มีการเดินทางทางอากาศที่ต้องใช้สนามบิน
แม้ว่าในงวดไตรมาส 4/64 (ก.ค.-ก.ย.64) คาดว่าจะออกมาไม่ดี แต่มองว่าในไตรมาส 1 (ต.ค.-ธ.ค.64) และไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค.65) จะมีการเปิดประเทศ และเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว (High Season) จะเห็นการฟื้นตัว เป็นจุดหนึ่งที่น่าสนใจที่จะลงทุนในระยะกลาง โดยมีปัจจัยที่รออยู่ได้แก่ การปลดล็อกเปิดประเทศ ปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยว 2 แสนกว่าราย แต่ปีหน้าคาดมี 6 ล้านคน จากเดิมในปี 62 มีจำนวนนักท่องเที่ยวราว 40 ล้านคน
แนะนำทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท แม้ว่ากำไรของ AOT ยังไม่กลับมา แต่ด้วยธุรกิจที่ผูกขาดสนามบินหลักในประเทศ เมื่อภาคท่องเที่ยวกลับมาคาดว่าธุรกิจกลับมาฟื้นเร็ว