ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคบ่ายบวกแล้วกว่า 2% ซึ่งเป็นการรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศจากปัจจัยที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดดอกเบี้ย รวมทั้งมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป ทั้ง แบงก์ และพลังงาน จากปัจจัยบวกร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ผ่านความเห็นชอบจากสถานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่น่าจะเปิดทางให้พันธมิตรต่างชาติมีโอกาสมากขึ้นในการเข้ามาถือหุ้นในแบงก์ไทย และ ยังคาดการณ์ว่าผลคดีของบมจ.ปตท.(PTT)ที่ศาลปกครองนัดพิจารณาครั้งแรก น่าจะออกมาเป็นบวกต่อ PTT
ทั้งนี้ ดัชนี SET ภาคบ่ายบวก 16.72 จุด มาที่ 837.24 จุด (+2.04%) เมื่อ 14.38 น.
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายนี้ยังบวกต่อเป็นการรีบาวน์หลังจากเมื่อวานไม่รีบาวน์และตลาดต่างประเทศยังปรับขึ้นอยู่ จากที่คาดว่าการประชุมเฟดวันที่ 11 ธ.ค.น่าจะเห็นการลดดอกเบี้ย
สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับขึ้นแรงเป็นกลุ่มที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ Overweigh และมีข่าวดีเรื่องกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินที่กำลังจะบังคับใช้ มองว่าอนาคตแบงก์ไหนที่ไม่แข็งแรงก็จะสามารถหาพันธมิตรเข้ามาได้ง่ายขึ้น เพราะกฎหมายให้อำนาจแบงก์ชาติและกระทรวงคลังมากขึ้นในการตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาถือได้ถึง 49% หรือไม่ และอาจให้ถือเกินได้หากจำเป็น
"ภาพใหญ่เทคนิคัลรีบาวน์หลังจากลดลงมาหลายวันและราคาน้ำมันลดลงมา อาจไม่ดีต่อกลุ่มพลังงาน แต่ดีต่อภาพโดยรวมที่เศรษฐกิจเรากำลังกลัวเรื่องเงินเฟ้อ"
ส่วนหุ้น บมจ.ปตท. (PTT) ยังบวกได้ เนื่องจากราคาลงมานานแล้ว และเก็งเรื่องพรุ่งนี้ทิศทางที่ศาลพิจารณาน่าจะออกมาในทางที่ไม่เป็นลบ ไม่น่าเลวร้ายจึงมีแรงซื้อกลับเข้ามา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมองว่าคำพิพากษาในคดีนี้น่าจะออกมาเป็นบวก
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--