นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ปัจจุบันสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้มีการดำเนินงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม ทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ ในระดับเชิงนโยบายและการปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์ การพัฒนาและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล อันจะเป็นรากฐานสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ในบทบาทที่สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ร่วมดำเนินงานกับองค์กรภาคธุรกิจของประเทศไทยในฐานะทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการขององค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้ร่วมมือกับองค์กรสมาชิก TBCSD และองค์กรพันธมิตรของ TBCSD ร่วมด้วยเครือข่ายต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงจุดยืนของการเป็นผู้นำในภาคธุรกิจไทยด้านความยั่งยืนที่ทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกและตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาของประเทศ อันเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของสังคมไทยให้ก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันองค์กรภาคธุรกิจได้ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของประเทศ ได้แก่ วาระแห่งชาติ BCG และการมุ่งไปสู่คาร์บอนสุทธิ (Net Zero Emission) ในอนาคต นับได้ว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต ด้านน.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวว่า ได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบนิเวศที่เกื้อหนุนให้ตลาดทุนไทยยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสังคมทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ โดยกำหนดให้ประเด็นความยั่งยืนเป็นหนึ่งในเรือธงของแผนยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ต. สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายโมเดลเศรษฐกิจใหม่ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และ เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) รวมถึงได้มีการวางกรอบนโยบายในการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) สำหรับตลาดทุนไทย TEI TBCSD และ ก.ล.ต. ซึ่งมีนโยบายและการดำเนินงานที่เชื่อมโยงและสอดคล้องกันในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จึงได้ร่วม MOU โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้ภาคธุรกิจในตลาดทุนไทยมีการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะร่วมมือกันสนับสนุนการสร้างและพัฒนาความยั่งยืนของตลาดทุนไทย ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์การดำเนินงาน และพัฒนาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ รวมถึงร่วมรณรงค์และประชาสัมพันธ์กิจกรรมภายใต้ความร่วมมือให้ภาคธุรกิจในตลาดทุน เครือข่ายสมาชิก และหน่วยงานภาคีเครือข่ายรับทราบ ร่วมติดตาม และประเมินผลการดำเนินกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโต ได้อย่างยั่งยืน