(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: คาดเฟดไม่ลดดบ.อีก ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 362.14 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 2, 2007 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก อีกทั้งกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังชะลอตัวลง 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 362.14 จุด หรือ 2.60% แตะระดับ 13,567.87 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดดิ่งลง 40.94 จุด หรือ 2.64% แตะระดับ 1,508.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดรูดลง 64.29 จุด หรือ 2.25% แตะระดับ 2,794.83 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.75 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.57 พันล้านหุ้น
นายไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์จากบริษัทเชฟเฟอร์ อินเวสท์เมนท์ รีเสิร์ช กล่าวว่า นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากเฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหาร ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นปานกลางในปีนี้ แต่ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เฟดมองว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ และเฟดจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง
"สถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่จุดกระแสความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นผ่านระดับ 96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะถูกแรงขายทำกำไรกดลงมาปิดที่ระดับ 93.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" นายเดทริคกล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. อันเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะผันผวนในตลาดสินเชื่อ
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงและเป็นหนึ่งในปัจจัยลบที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ หลังจากวาณิชธนกิจมอร์แกน สแตนลีย์ ประกาศลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่และมีทุนจดทะเบียนสูงหลายแห่งในสหรัฐ รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป, แบงค์ ออฟ อเมริกา และเวลล์ ฟาร์โก โดยได้ปรับลดลงจากระดับ "attractive" สู่ระดับ "cautious" เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพรม์) จะส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคถดถอยลงด้วย
ด้านนาย คริสโตเฟอร์ คาร์ดาโร นักวิเคราะห์จากรีเจนท์แอตแลนติก แคปิตอล กล่าวว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกปกคลุมด้วยความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังต่อข่าวที่ว่า เฟดได้อัดฉีดเม็ดเงินมูลค่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินของสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในเม็ดเงินจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อในฤดูร้อนที่ผ่านมา"
ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 10% ขณะที่หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ร่วงลง 5.3% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่สุดของสหรัฐ ดิ่งลง 6.9% แตะระดับ 38.51 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ