นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลลาดพร้าว (LPH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 2/64 และไตรมาส 3/63 เนื่องจากมีรายได้จากการให้บริการผู้ป่วยโควิด ทั้งการรักษาและการตรวจหาเชื้อ จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่มีการระบาดหนัก ส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทั้งคนไข้นอก (OPD) และคนไข้ที่มาแอดมิทเพิ่มขึ้นสูงสุด จำนวนเตียงผู้ป่วยโควิด (Hospitel) เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เป็น 1,000 เตียง
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4/64 คาดจะเริ่มนำเข้าวัคซีนโควิด-19 (โมเดอร์น่า) ที่โรงพยาบาลสั่งซื้อผ่านสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและองค์การเภสัชกรรม เป็นทางเลือกให้กับประชาชน ซึ่งโรงพยาบาลได้รับจัดสรรและชำระเงินแล้วประมาณ 40,000 โดส มีผู้สนใจจองเต็มจำนวน คาดว่าเริ่มนำเข้ามาในช่วงปลายเดือน ต.ค.หรือต้นเดือน พ.ย.64 และจะเริ่มทยอยฉีดทันทีหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ประเมินรายได้และกำไรในปี 64 จะเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยรายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% จากเป้าหมายที่วางไว้ 25-30% ส่วนกำไรคาดเติบโตก้าวกระโดดโดยคณะกรรมการบริษัทจะประชุมรับรองงบไตรมาส 3 วันที่ 10 พ.ย. 64
ด้านความคืบหน้าในการนำบริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทางโรงพยาบาลถือหุ้น 97% คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้มีการแปรสภาพเพื่อระดมทุนในตลาด mai โดยสัดส่วนหุ้นที่ AMARC จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นจำนวนไม่เกิน 30% ของทุนจดทะเบียนหลังการเสนอชขายหุ้น IPO คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งภายในไตรมาส 4/64 ตามแผนที่วางไว้ โดยมีบล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน