TFI พุ่ง 30.67% แม้ Q3/50 ยังขาดทุน โบรกฯมองเปลี่ยนกลุ่มเข้ามาเก็งกำไร

          หุ้น TFI บวก 30.67% อยู่ที่ 0.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.23 บาท มูลค่าการซื้อขาย 32.81 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.25 น.โดยเปิดตลาดที่ 0.75 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 1.01 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 0.75 บาท 
          นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น TFI ปรับขึ้นแรงบ่ายนี้ ทั้ง ๆ ที่ผลประกอบการไตรมาส 3/50 ออกมาขาดทุน น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร เนื่องจากทางเทคนิคถือว่าใช้ได้ มีสัญญาณบวก เพราะวิ่งมาแรงขนาดนี้ แต่โดยปกติหากไม่มีสภาพคล่องราคาหุ้นก็อาจจะชนแนวต้าน 1.08 บาท ซึ่งเป็น trend ในระยะกลาง ดังนั้น หากถืออยู่ก็ควรหาจังหวะขายทำกำไรแถวๆ แนวต้าน 
          "เก็งกำไรนานๆมาที แต่วันนี้จะมีหุ้นเก็งกำไรบางส่วนที่โดน take และมีบางส่วนที่วิ่งสวนทางขึ้นมา น่าจะเป็นเก็งกำไรกลุ่มใครกลุ่มคนนั้นมากกว่า แต่คิดว่ามา 1 วัน 2 วันก็น่าจะจบแล้ว" นักวิเคราะห์ กล่าว 
          ทั้งนี้ TFI แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2550 ขาดทุนสุทธิ 131.12 ล้านบาท แย่ลง 230.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 100.84 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน ขาดทุนสุทธิ 337.88 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 161.41% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 161.41 ล้านบาท
          การขาดทุนเกิดขึ้นจากการรับรู้ผลการขาดทุนตามวิธีส่วนได้เสียในบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยคอปเปอร์อินดัสตรี (TCI) ที่ ต้องหยุดดำเนินการและมีการให้พนักงานออกหลังมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมจำนวน 245 ล้านบาท แต่ก็ได้ตั้งสำรองเต็มจำนวนของมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ ณ สิ้นเดือน ก.ย. ซึ่งอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ทั้งจำนวน
          ในแง่ของการทำธุรกิจของ TFI จริงๆ แล้วมีกำไรจากการดำเนินงาน 114 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนอยู่ 23 ล้านบาท เพราะมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาดฟิล์มในตลาดโลก เริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้น เมื่อช่วงไตรมาส 2 ของปี 2550 และในไตรมาส 4 มีแนวโน้มที่เกิดภาวะขาดแคลนจึงทำให้บริษัทสามารถปรับราคาขาย บี.โอ. พี.พี. ฟิล์ม ได้ตามผลกระทบที่ได้รับจากเม็ดพลาสติกพีพี ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักและยังคงมีราคาสูงต่อเนื่องและมีแนวโน้มว่ายอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป