(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: แรงเทขายทำกำไรฉุดฮั่งเส็งร่วง 1,024.54 จุด

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (2 พ.ย.) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยนักลงทุนต่างเทขายทำกำไรเนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น และการที่จีนอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
          จีนส่งสัญญาณว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจมีการใช้มาตรการทางการเงินเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป ในขณะที่ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นก็ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนราคาเหล็กกล้าก็ยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
          ฟรานซิส เจียง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ในฮ่องกงกล่าวว่า มีแนวโน้มสูงว่าธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.27% ก่อนสิ้นปี ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 7.29%
          "เราคาดว่าจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปี 2551 โดยก่อนสิ้นสุดไตรมาสสอง อัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ที่ราว 8.37%" นายเจียงกล่าว
          ตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ทำให้นักลงทุนลดการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง
          "ตลาดฮ่องกงร่วงตามตลาดสหรัฐหลังเฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย จนถึงตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยใดกระตุ้นให้ตลาดกระเตื้องขึ้นได้" เคนนี่ ถัง จาก Tung Tai Securities กล่าว
          สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 1,024.54 จุด หรือ 3.3% ปิดที่ 30,468.34 จุด สกัดช่วงขาขึ้นในตลาดที่เกิดขึ้นมาเกือบตลอดสัปดาห์ส่งผลให้ดัชนีฮั่งเส็งปรับสูงขึ้นเพียง 0.2% ในรอบสัปดาห์ โดยมีปริมาณการซื้อขาย 1.769 หมื่นล้านหุ้น มูลค่า 1.5235 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง
          หุ้นเลโนโว่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่ม 3.5% หลังบริษัทมีผลประกอบการณ์อันแข็งแกร่ง 
          หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 1,768.36 จุด หรือ 4.8% ปิดที่ 35,237.30 จุด
          "บริษัทอสังหาริมทรัพย์กำลังไปได้สวย จึงไม่แปลกที่จะถูกเทขายทำกำไร" โฮเวิร์ด จอร์จส์ รองประธาน South China Securities กล่าว
          หุ้นเฉินกงของมหาเศรษฐี ลี คา-ชิง ร่วงลง 5.6%, หุ้นซันฮุงไก ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ร่วงลง 4.7%, หุ้นฮังลุง พรอพเพอร์ตี้ ลดลง 5.2% และ หุ้นเฮนเดอร์สันแลนด์ ลดลง 5.1%               
          หุ้นไชน่า โมบาย ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตกลง 3.4% และ หุ้นฮัชชิสัน ดิ่งลง 5.7%
          หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ลดลง 4.3%