นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ของปีงบการเงินปี 65 (ต.ค.64-มี.ค.65) จะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (เม.ย.-ก.ย.64) ที่มีปริมาณขาย 672,000 ตัน โดยบริษัทยังคงมั่นใจปริมาณการขายเหล็กงวดปี 64/65 จะเติบโตกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1.3 ล้านตัน และเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะทำได้ดีต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่ราคาเหล็กยังอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะปรับตัวขึ้นสูงกว่าในเดือน ก.ย.64 ที่มากกว่า 25,000 บาท/ตัน จากความต้องการใช้เหล็กที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่คลี่คลายลงก็จะเห็นการซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารบ้านเรือนในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ ส่งผลดีต่อความต้องการใช้เหล็ก
ประกอบกับภาครัฐเร่งลงทุนโครงการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมองเป็นสัญญาณเชิงบวกในแง่ของการจับจ่ายใช้สอยภาคครัวเรือน และยังเป็น Sentiment เชิงบวกต่อภาคเอกชนที่จะเกิดการลงทุนตามมามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของ TSTH ให้ดีขึ้นตามไปด้วย
อีกทั้งบริษัทได้มีการส่งออกเหล็กไปยังประเทศแคนาดาเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย.64 ปริมาณรอบแรกที่ 6,500 ตัน ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกครึ่งปีแรกโดยรวมอยู่ที่ 81,000 ตัน หรือคิดเป็น 12% ของปริมาณการขายทั้งหมด ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มอีก โดยรอบที่สองจะอยู่ที่ 15,000 ตัน คาดว่าจะส่งมอบได้ในเดือนพ.ย.นี้ และน่าจะทำให้ทั้งปีจะมีสัดส่วนปริมาณการขายจากการส่งออกจะอยู่ที่ราว 9-10%
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากจีนประกาศลดกำลังการผลิตเหล็กในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือน พ.ย.64 ถึงเดือน มี.ค.65 เพื่อล้างท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตเหล็ก และเพื่อบรรลุผลสำเร็จของเป้าหมายการลดกำลังการผลิตเหล็กของประเทศลง
แต่อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังนี้ TSTH ก็ยังปัจจัยที่มีความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการ Material อื่นๆ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากจีนลดกำลังการผลิตเหล็ก ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กก็มีการปรับลดการใช้ Material ลงไปด้วย