นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 93 โดยมีเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซฯ ลดลง 20% ภายในปี 73 วางงบลงทุนเพื่อบรรุลเป้าหมาย Net Zero ในปี 64-93 รวม 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และงบลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจราว 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแหล่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากการกู้เงิน และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ พร้อมทั้งตั้งเป้าผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ย 4% ต่อปีในช่วง 5-6 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนเพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไว้ 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย
1. Efficiency-driven การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ โดยใช้หลัก "5R" และเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และลดการใช้พลังงาน นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ และแสวงหาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำรูปแบบใหม่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน
2. Portfolio-driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษมูลค่าสูง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียน
ก่อนหน้านี้ PTTGC ได้เข้าซื้อกิจการของ allnex ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการพัฒนาแอพพลิเคชันการเคลือบต่างๆ โดย allnex ยึดถือนโยบายในการปล่อยคาร์บอนต่ำ และเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรม Coating มานานกว่า 70 ปี ได้รับการจัดอันดับในระดับ Gold Ratings ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก EcoVadis
อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ PTTGC โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ NatureWorks ได้ประกาศการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอโพลีเมอร์แบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้ PTTGC เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจพลาสติกชีวภาพ รวมถึงการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร
บริษัทคาดว่าการปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จะส่งผลต่อเนื่องไปยังลูกค้า ซึ่งการบริหารพอร์ตโฟลิโอ มุ่งเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิต การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อสิ่งที่ดีกว่า รวมไปถึงการดูแลโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่จะส่งผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็น เคมีที่เข้าถึงทุกความสุข นอกจากนี้การปรับพอร์ตโฟลิโอยังนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อร่วมกันสร้างห่วงโซ่คุณค่าและการลดปริมาณขยะพลาสติก
พร้อมกันนี้ PTTGC ได้ตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนธุรกิจที่มาจาก ธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ เพิ่มเป็น 35% ในปี 93 จากปีนี้อยู่ที่ 3% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจหลัก (Petchem&Green)
3. Compensation-driven เป็นเสาหลักสุดท้ายของกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยทางแก้ปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solutions) รวมทั้งการจัดหาและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดักจับคาร์บอน ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ Corporate Venture Capitals การสร้างพันธมิตร และการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
นายคงกระพัน กล่าวว่า ด้านแผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีล M&A ได้ในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่แผนการลงทุนในปี 65 บริษัทยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่าการลงทุนเบื้องต้นราว 20,000-30,000 ล้านบาท
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดจะส่งผลดีต่อธุรกิจ ทำให้ปีนี้จะไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มสูงขึ้นก็ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก เนื่องด้วยบริษัทมีการบริหารจัดการสต็อกได้ดี รวมถึงในปีหน้าก็มองว่าดีมานด์-ซัพพลายน้ำมันจะสมดุลกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อมาร์จิ้นธุรกิจการกลั่นดีขึ้นด้วย