โบรกเกอร์ ต่างเชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เล็งกำไรไตรมาส 3/64 และช่วงที่เหลือของปีทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หลังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่ม 50,000 ตัน ในช่วงไตรมาส 3/64 และมีลูกค้ารองรับกำลังการผลิตดังกล่าว ขณะที่ราคาขายยางยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ส่วนธุรกิจปลายน้ำคาดจะเริ่มได้ในปี 65 โดยจะเริ่มรับรู้รายได้แผ่นยางปูรองนอนของวัวตั้งแต่ไตรมาส 1/65 แม้ว่าประมาณการจะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาเพียง 3% ในปีแรก แต่มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะจะช่วยลดความต้องการเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากแก่ NER ขณะที่ผลิตภัณฑ์นี้มีตลาดใหญ่ทั่วโลก และยังให้อัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 15-25%
ราคาหุ้น NER ปิดเที่ยงที่ 7.70 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET ปิดบวก 0.20%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 11.50 เคทีบีเอสที ซื้อ 10.00 เอเอสแอล ซื้อ 9.20 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 9.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 8.70
นายมงคล พ่วงเภตา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ทิศทางผลประกอบการของ NER ในช่วงครึ่งหลังปีจะทำสถิติสูงสูดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่มเติมอีก 50,000 ตันต่อปี โดยในช่วงไตรมาส 3/64 บริษัทมีลูกค้ารองรับกำลังการผลิตที่เข้ามาดังกล่าวอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันราคายางยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง
NER ถือว่าเป็นผู้ประกอบการยางพารารายใหญ่ของประเทศไทยที่มีมาตรฐานการผลิตสินค้าในระดับสูง จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายเดิม และยังมีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าจากจีนที่ยังคงมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
"ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมา ราคายังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง และลูกค้าเดิมก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันบริษัทก็ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงหนุนให้ผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ เราจึงแนะนำเป็นหุ้นที่น่าลงทุน"นายมงคล กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่า NER จะเริ่มธุรกิจปลายน้ำในปี 65 โดยจะรับรู้รายได้จากแผ่นยางปูรองนอนวัวตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เริ่มจากการจ้างการผลิตก่อน ซึ่งจะติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จช่วงประมาณเดือน ก.พ.65 เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านบาทในปี 65 และมีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 20% ซึ่งจะเป็น Upside ต่อประมาณการราว 5%
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า NER เตรียมรายงานกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3/64 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ยางแปรรูป 1.25 แสนตัน เติบโต 17.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีการกำหนดราคาล่วงหน้าแล้วในช่วงที่ราคายางเป็นขาขึ้น
ขณะที่ไตรมาส 1/65 บริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากแผ่นยางปูรองนอนวัว โดยปัจจุบันเครื่องจักรเริ่มเข้ามาติดตั้งแล้ว โดยแนะนำให้นักลงทุนติดตามธุรกิจปลายน้ำนี้เป็นสำคัญ เพราะแม้ว่าในประมาณการจะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาเพีนง 3% แต่มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะจะช่วยลดความต้องการเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากแก่ NER และมีตลาดใหญ่ทั่วโลก ขณะที่ให้อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 15-25% เทียบกับธุรกิจกลางน้ำในปัจจุบัน 7% ซึ่งจะหนุนให้ NER มีทิศทางกำไรสุทธิเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และเติบโตในระยะยาว
นอกจากนี้การเติบโตในระยะยาวส่งผลดีต่อโอกาสในการ rerate P/E เป้าหมายขึ้นได้ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ 8 เท่า
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลประกอบการของ NER โดยคาดกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3/64 จะออกมาทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากต้นทุนเฉลี่ยของวัตถุดิบในการผลิตที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตามราคาขายเฉลี่ยได้ปรับตัวสูงขึ้น