ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 120 จุดเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ หลังจากที่บริษัทเจซี เพนนี และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ได้แสดงความคิดเห็นในด้านลบ โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีกอย่างหนัก ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 120.96 จุด หรือ 0.91% แตะระดับ 13,110.05 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 19.43 จุด หรือ 1.32% แตะระดับ 1,451.15 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดรูดลง 25.81 จุด หรือ 0.98% แตะระดับ 2,618.51 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 1.47 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.34 พันล้านหุ้น
นายชาร์ล สมิธ นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์ท พิทท์ แคปิตอล ในสหรัฐกล่าวว่า "แม้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ แต่ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลซึ่งถือเป็นระดับที่สูงมาก ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะกระทบถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยเฉพาะการจับจ่ายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และเทศกาลคริสต์มาส"
นักลงทุนให้น้ำหนักกับการคาดการณ์ของผู้บริหารของบริษัทเจซี เพนนี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ที่ว่า ผู้บริโภคชาวสหรัฐอาจออกมาจับจ่ายใช้สอยน้อยลงและจะทำให้ยอดขายของบริษัทลดลงด้วย ซึ่งเป็นเพราะขณะนี้ครัวเรือนชาวสหรัฐต้องจ่ายเงินค่าเชื้อเพลิงประมาณ 3.20 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ขณะที่นายจอห์น สตัมป์ฟ ซีอีโอของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้จำนองอันดับ 2 ของสหรัฐกล่าวว่า ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะดำเนินต่อไปอีกนาน และถือเป็นภาวะตกต่ำที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในทศวรรษที่ 1930 เป็นต้นมา
ส่วนธนาคารบาร์เคลย์สเปิดเผยว่า ธนาคารในเครือของบาร์เคลย์สเป็นสถาบันการเงินรายล่าสุดที่ต้องตัดบัญชีหนี้สูญเป็นวงเงิน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดทุนในตลาดสินเชื่อ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนด้านพลังงานและอาหารที่สูงขึ้น และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ หุ้นเจซี เพนนี ปิดร่วงลง 5.1% หลังจากผู้บริหารของบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในปีนี้จะลดลง ภายหลังจากยอดขายในไตรมาส 3 ร่วงลงไปแล้ว 9% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ส่งผลกระทบถึงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชาวสหรัฐด้วย
ส่วนหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 3.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 4.1% หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ร่วงลง 3.8% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ลดลง 2.%
การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กได้ฉุดหุ้นเอ็กซอนโมบิลดิ่งลง 2.1% และหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 1.33%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--