ADVANC คาดQ3/50มียอดลูกค้าใหม่ 7-8 แสนรายลดลงจาก Q2/50,รอSHINอนุมัติงบ

          นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส คาดว่า ยอดลูกค้าใหม่สุทธิในไตรมาส 3/50 อยู่ที่ประมาณ 7-8 แสนราย ลดลงจากไตรมาส 2/50 ที่มียอดลูกค้าใหม่ 1.6 ล้านราย สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากผู้ให้บริการรายอื่นได้จัดโปรแกรมพิเศษในช่วงรายการอะคาเดมี แฟนเทเชีย(AF 4)ที่คาดว่าจะได้ลูกค้าใหม่ค่อนข้างสูง 
          "แต่ในปีนี้ เราก็ยังหวังว่ามีส่วนแบ่งยอดลูกค้าใหม่ 50% ของตลาดรวมทั้งหมดที่เติบโต เช่นเดียวกับปี 51 ที่เราตั้งเป้าขอส่วนแบ่งลูกค้า 50% เช่นเดียวกัน ...ปีหน้าเรามองว่าจะโต 15% จากปีนี้ ซึ่งไม่ว่าจะโตเท่าไรก็ตาม เอไอเอสยังขอส่วนแบ่งที่ 50% และจุดที่จะนำมาแข่งขัน ก็เน้นเรื่องราคาที่ไม่แพงเกินไป และเครือข่ายที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน" นายวิเชียร กล่าว 
          ขณะเดียวกัน บริษัทได้เสนอแผนการลงทุน และแผนการดำเนินงานในปี 51 ทั้งหมด ได้เสนอต่อคณะกรรมการ ADVANC แล้ว ขณะนี้รอการพิจารณาของคณะกรรมการ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเบื้องต้นบริษัทได้ของบลงทุนเพื่อขยายเครือข่ายมากกว่าปี 50 ที่มีงบส่วนหนี้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ  
          ในปีหน้าบริษัทจะเน้นขยายเครือข่ายไปยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งถือเป็นตลาดเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้า เนื่องจากตลาดในกรุงเทพและเมืองใหญ่ถือว่าเข้าสู่จุดอิ่มตัว มีผู้ใช้บริการ 80-90% ของประชากร ขณะที่ภาคอีสานมีผู้ใช้บริการพียง 10-20% ของประชากร และภาคเหนือมีการใช้บริการ 20-30% ของประชากร ซึ่งมองบริษัทว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก 
          นายวิเชียร กล่าวว่า การที่ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้สามารถจัดหางบลงทุนได้มากขึ้น ก็จะส่งผลให้การแข่งขันการขยายเครือข่ายและการตลาดจะยิ่งรุนแรงขึ้นอีก ดังนั้น บริษัทก็จะพยายามหาแนวทางรักษาส่วนแบ่งของเอไอเอสไว้ให้ได้ 
           นอกจากนี้ นายวิเชียร เชื่อว่า จากนี้ไปถึงสิ้นปีนี้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)จะไม่ได้อนุมัติใบอนุญาตใดๆให้กับเอกชน รวมทั้งใบอนุญาต 3 จี ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป  ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินการเรื่อง Number portability คาดว่ากว่าจะจัดตั้งหน่วยงานกลางขึ้นมาดูแลเรื่องนี้พิเศษ ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า 
          ส่วนความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานกับบมจ.ทีโอที ก็ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาตัดสิน ส่วนทางบริษัทไม่มีบทสรุปในเรื่อนี้และยังเห็นว่าอายุสัญญาสัมปทานของเอไอเอสที่ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันนั้นจะหมดอายุในปี 58  ไม่ใช่ในอีก 2 ปีข้างหน้า