ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,634.20 จุด ลดลง 9.22 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 65,177.10 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,645.91 จุด และระดับต่ำสุด 1,631.29 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 490 หลักทรัพย์ ลดลง 1,354 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 433 หลักทรัพย์
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) หลังจากที่จีนส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งรอบนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นไปเกิดจากการขาดแคลน Supply ทำให้รอบนี้มองว่าการปรับตัวขึ้นของกลุ่ม Commodity ไม่ยั่งยืนเพราะไม่ได้เกิดจากความต้องการ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็แกว่งไซด์เวย์ ซึ่งช่วงนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะเคลื่อนไหวไปตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดฯ โดยสัปดาห์นี้มีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะต้องติดตาม แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักเท่าไร
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) นายสรพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งอย่างไร้ทิศทางหลังจากที่ได้ตอบรับเรื่องการเปิดเมือง (Reopening) ไปแล้ว จากนี้ก็ให้รอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างไร โดยให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,645 จุด ขณะที่กรอบสัปดาห์นี้ให้ไว้ที่ 1,610-1,660 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,007.71 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,514.46 ล้านบาท ปิดที่ 123.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,114.75 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.40 บาท
SPALI มูลค่าการซื้อขาย 1,665.34 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,612.72 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 0.75 บาท