นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในช่วงรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา แต่ในช่วงเช้าดัชนีฯก็มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกสอดคล้องกับตลาดสหรัฐฯ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯได้ชะลอทำให้ไปหนุนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และมาจากการประกาศงบฯงวดไตรมาส 3/64 ของแต่ละประเทศด้วย
แต่ตลาดบ้านเราอาจเผชิญแรงขายทำกำไรจากกองทุนรวมก่อนที่งบฯไตรมาส 3/64 จะประกาศออกมาหลังจากที่คาดการณ์ว่าจะออกมาไม่ดี แต่ตลาดฯ ยังอาจได้รับแรงซื้อหุ้นจากหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี หลังจากที่สเปรดปิโตรฯได้ปรับตัวขึ้นเกือบทุกผลิตภัณฑ์ อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยที่วันนี้มีกว่า 7 พันราย ถือว่าต่ำสุดในรอบ 4 เดือน น่าจะช่วยหนุนหุ้น Reopening ได้ แต่ก็ยังต้องจับตาสายพันธุ์ใหม่เดลตา พลัส ที่เพิ่งพบในไทยด้วย
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,624 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,741.15 จุด เพิ่มขึ้น 64.13 จุด (+ 0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,566.48 จุด เพิ่มขึ้น 21.58 จุด (+0.47%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,226.71 จุด เพิ่มขึ้น 136.51 จุด (+ 0.90%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 327.2 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.97 จุด ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 102.91 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ต.ค.)1,634.20 จุด ลดลง 9.22 จุด (-0.56%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,955.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ต.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ต.ค.) ปิดทรงตัวที่ระดับ 83.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ต.ค.) อยู่ที่ 7.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.07 แข็งค่าจากวานนี้ คาดกรอบวันนี้ 33.00-33.20 จับตาตัวเลขส่งออกไทย
- สธ.เผยไทยเจอโควิด-19 "เดลตาพลัส" AY.4.2 แล้ว 1 ราย ชายไทย 49 ปี ทำงานที่บางไทร จ.อยุธยา ส่งตัวอย่างให้ AFRIMS กองทัพบก ตั้งแต่ ก.ย. กรมวิทย์แถลงวันนี้ จับตาโอกาสดื้อยา-วัคซีน พร้อมเฝ้าระวัง 6 จังหวัดติดเชื้อพุ่งจับตา 6 กิจกรรมเสี่ยง "งานศพ" จุดแพร่ระบาด ศบค.ย้ำ "เปิดประเทศ" ดูปัจจัยจำนวนผู้ติดเชื้อ วัคซีนครอบคลุมระบบสาธารณสุขรองรับได้
- คลังเล็งคลอดมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าปี 2565 เตรียมลดภาษีนำเข้า กดราคาขายในประเทศให้ถูกลงพร้อมอัดแพ็คเกจเพิ่มแรงจูงใจคนซื้อตอบสนองนโยบายรัฐบาล หนุนยอดผลิตอีวีให้ได้ 30% ภายในปี 2568 ด้าน "สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย" ชี้มาตรการลดหย่อนภาษีปลุกความสนใจผู้บริโภค
- ศาลอาญาคดีทุจริตหรือและประพฤติมิชอบกลาง นัดไต่สวนคดีล้มประมูลสายสีส้ม ในเดือน ธ.ค.นี้ ด้าน "ทีดีอาร์ไอ" แนะ กทม.-รัฐ เปิดโต๊ะเคลียร์ปัญหาสัมปทานสายสีเขียวให้จบ
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ LTV ช่วยระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ กว่า 2.8 แสนหน่วย แนะเพิ่มมาตรการลดภาษีโอนจดจำนองทุกระดับราคา และครอบคลุมบ้านมือสอง มั่นใจมีเม็ดเงินเข้าระบบกว่า 5 แสนล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- JMT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 57 บาท โชว์ยอดซื้อหนี้ทะลุเป้าโดย 9 เดือนแรกปี 64 ซื้อหนี้ได้แล้ว 80% ของเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 6,000 ล้านบาท งบ Q3/64 คาดยังโต qoq และ yoy แม้จะมีอุปสรรคจากล็อกดาวน์ 29 จังหวัด ขณะที่ GPM ยังเพิ่มขึ้นจากกองหนี้หลายกองตัดต้นทุนหมดแล้ว
- CBG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 122-124 บาท แนะนำเก็บหุ้นหลังราคาลงลึก ปรับฐานกว่า 3 เดือน และมีโอกาส Bottom out ขณะที่ Demand เครื่องดื่มชูกำลังเริ่มฟื้นหลังการเปิดเมืองและการก่อสร้างที่กลับมา แนวโน้มกำไรมีโอกาสฟื้นตัว ด้านโรงงานใหม่คาดเริ่ม COD เต็มไตรมาสนับตั้งแต่ Q3/21 หลัง พร้อมการปรับสูตรเครื่องดื่มชูกำลังลดน้ำตาล ช่วยลดต้นทุน พร้อมประเมินกำไรปี 64-65 ที่ 3.4 พันลบ. และ 4.1 พันลบ. -3.4%YoY, +23%YoY ตามลำดับ
- TNP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า IAA Consensus 7.05 บาท คาดว่าทิศทางครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโต โดยการระบาดของโควิด-19 เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์มีผลกระทบน้อย สืบเนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บวกกับอานิสงส์มาตรการการกระตุ้นใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้ประชาชนยังมีกำลังซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภค นอกจากนี้ Q4/64 มีโอกาสสูงที่ Reopening จะเป็นไปด้วยดี เป็นบวกต่อสาขาของ TNP ส่วนใหญ่ใน จ.เชียงรายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่นิยม ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี 64 และ ปี 65 จะขยายต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.17 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.24 บาท/หุ้น, และ 0.27 บาท/หุ้น ตามลำดับ
- EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.20 บาท คาดกำไร Q3/64 โตก้าวกระโดดทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการระบาดของโควิดรุนแรงและจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูง หนุนรายได้ทั้ง Hospital & Hospitel ให้ยังเติบโตแรง โดยประมาณการกำไรปี 64 ที่คาด +128% Y-Y มี Upside นอกจากนี้คาดเป็นอีกหนึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศหนุนลูกค้า IVF ชาวจีนทยอยกลับเข้ามาใช้บริการอีกครั้งในปี 65 พร้อมให้แนวรับ 7.85-7.60 บาท แนวต้าน 8.15-8.30 ถัดไป 8.60 บาท