นายสุเรศพล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) เปิดเผยว่า จากภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานแปรรูปในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 64 พบว่าดีมานด์ปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งในตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงในตลาดเอเชีย ยังคงเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
เนื่องจากในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จึงส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพอากาศในต่างประเทศยังเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบให้ผลผลิตข้าวโพดมีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการนำเข้าข้าวโพดหวานเพิ่มขึ้นตาม
ล่าสุด บริษัทมียอดออเดอร์ที่เตรียมส่งมอบจนถึงสิ้นปีแล้วกว่า 1,500 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 700 ล้านบาท
ประกอบกับ ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้ทำสัญญากับเกษตรกร (Contract Farming) สัดส่วนมากกว่า 90% ส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มปริมาณข้าวโพดเข้าไลน์การผลิตได้มากถึง 300,000 ตันต่อปี จากเดิม 150,000-180,000 ตันต่อปี ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบริษัทยังมีขีดความสามารถขยายการรับออเดอร์ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จากดีมานด์การสั่งซื้อ โดยเฉพาะในสหรัฐเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่
นายสุเรศพล กล่าวว่า ส่วนผลกระทบจากการขนส่ง ยังคงเป็นตัวแปรต่อเนื่องไปถึงกลางปี 65 บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินกิจการมามุ่งเน้นการขยายตลาดในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการขนส่ง หรือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการขนส่งน้อย อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไปราว 1-2% ของรายได้รวม บริษัทได้ให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขนส่งไม่มากนัก และสินค้าของบริษัทผ่านมาตรฐานของห้างสรรพสินค้าในสหภาพยุโรป ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ในประเทศออสเตรเลีย จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดได้เพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทยังได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนบรรจุภัณฑ์ การเจรจาติดต่อกับสายเรือต่างๆเพื่อที่จะเพิ่มพื้นที่การขนส่งสินค้าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือลูกค้าของบริษัทฯ ในทุกๆด้าน
"เรามองว่าเป็นโอกาสสำหรับเราในการขยายตลาด ด้วยเงินทุนที่มากพอช่วยให้บริหารจัดการด้านต่างๆได้มากกว่าคู่แข่ง มีอำนาจในการต่อรองและช่วยเหลือลูกค้าทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นโรงงานกระป๋อง สายเรือ รวมไปถึงแนวทางการปรับราคาขายสินค้าของลูกค้าเพื่อที่จะลดผลกระทบที่เกิดจากค่าขนส่ง ส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการของบริษัทฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายสุเรศพล กล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2564 มีมติเห็นชอบให้ลดทุนจดทะเบียนจากเดิม 737,864,463.00 บาท (จำนวน 1,054,092,090 หุ้น) เป็น 670,794,168.10 บาท (จำนวน 958,277,383 หุ้น) โดยตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่าย จำนวน 95,814,707 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็น 67,070,294.90 บาท
จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียน เป็น 1,006,191,252.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 479,138,692 หุ้น หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็น 335,397,084.40 บาท จัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (APURE-W3) ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 2 หุ้น ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวมีอายุ 3 ปีและอัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ได้ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 7 บาท/หุ้น
บริษัทฯจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record Date) วันที่ 17 ธ.ค.64 โดยจะเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 64 เพื่อพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 8 ธ.ค.64 และจะกำหนดรายชื่อผูถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถืออหุ้น (Record Date) ในวันที่ 5 พ.ย.64
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสอดรับการเตรียมความพร้อมทางด้านเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนการแตกไลน์ธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมการเกษตรที่เกี่ยวเนื่อง รวมไปถึงการย้ายพื้นที่โรงงานเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตของบริษัทฯ