นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PIN) กล่าวว่า PIN กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 3.90 บาท/หุ้น เปิดให้จองซื้อในวันที่ 28-29 ต.ค.และวันที่ 1 พ.ย. นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในวันที่ 9 พ.ย.
โดยได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.เคทีบีเอสที และ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนี้
ทั้งนี้ PIN จะนำเงินจากการระดมทุนไปเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินงานผ่านการพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่มีศักยภาพที่ดี โดยจะสร้างการเติบโตของรายได้ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตของรายได้จากการให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นคงของรายได้โดยมีสัดส่วนของกลุ่มรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มขึ้น
ส่วนเงินทุนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ การระดมทุนจะส่งผลดีต่อสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นและเพิ่มศักยภาพการเติบโตของรายได้แก่บริษัทฯ อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนาอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าและเพื่อขายบนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics Park) โดยมีจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองและ Logistic Park ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่รวมกันกว่า 7,500 ไร่ ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง ใกล้กับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภา
รวมถึงมีแผนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการต่างๆ ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมก้าวสู่การเป็น "เมืองอัจฉริยะ" หรือ "Smart City" เพื่อดึงดูดนักลงทุนกลุ่ม S-Curve เข้ามาซื้อที่ดินก่อสร้างโรงงาน คลังสินค้าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ PIN มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดขายพื้นที่ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรม ปิ่นทอง 6 เฟสแรกในจังหวัดระยอง รวมเนื้อที่ 1,322 ไร่ ภายในช่วงไตรมาส 4/64 รองรับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมต่างชาติเข้ามาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ในเขตเศรษฐกิจ EEC ทำให้ PIN ได้รับประโยชน์สามารถสร้างรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง โดยพัฒนาที่ดินและสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า ที่จัดสรรพื้นที่โครงการประกอบด้วยเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตทั่วไป (General Zone) โดยมีพื้นที่อาคารรวมประมาณ 100,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 80 ไร่ และส่วนที่สองจะให้เช่าที่ดินเปล่าในลักษณะการเช่าระยะยาว เพื่อให้ผู้ประกอบการสร้างอาคารคลังสินค้าในพื้นที่โครงการซึ่งได้จัดเตรียมที่ดินเปล่าให้เช่า โดยจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ในปลายปี 64 และคาดว่าจะพัฒนาเฟสแรกแล้วเสร็จภายในปี 65 ส่งผลดีต่อการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) จากค่าเช่าคลังสินค้าและค่าบริการจากสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงด้านผลการดำเนินงาน
ด้านนายธนัท วงษ์ชูแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.กรุงศรี ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า PIN มีศักยภาพการเติบโตที่ดีจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้พัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมมา จึงมีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีแผนยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็น Smart City ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้าน Recurring Income จากโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จึงเชื่อว่า PIN จะเป็นหุ้นของกิจการที่อยู่ในช่วงเติบโต หรือ Growth Stock ในสายตาของนักลงทุน ทำให้เชื่อว่าหุ้น PIN ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน