(เพิ่มเติม) บลจ.แอสเซท พลัส ขาย FIF กองใหม่ปลายพ.ย.นี้เน้นลงทุน 4 ปท.ตลาดเกิดใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 2, 2007 14:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์  กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส  เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดเสนอขาย“กองทุนเปิดแอสเซทพลัสบริค(ASP-BRIC)"กองทุนต่างประเทศประเภทกองทุนรวมหน่วยลงทุน หรือ Feeder Fund  ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Templeton BRIC Fund โดยเสนอขายครั้งแรก (IPO)ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท กำหนดซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท 
กองทุนเปิดแอสเซทพลัสบริค (ASP-BRIC) บริหารจัดการโดย Templeton Asset Management กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน (รวมไต้หวันและฮ่องกง) ที่มีพื้นฐานดี และมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน มีมูลค่าตลาดใหญ่และสภาพคล่องสูง และเน้นกระจายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (Well Diversify)
สาเหตุที่บริษัทฯ เลือกลงทุนกับ Templeton Asset Management เนื่องจากเป็นบริษัทจัดการลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีประสบการณ์ในการลงทุนในตลาดเกิดใหม่มายาวนาน ประกอบกับมีฝ่ายงานวิเคราะห์วิจัยหลักทรัพย์อยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก มีกระบวนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ และมาตรฐานการบริหารงานในระดับสูง ใช้การวิจัยแบบ Bottom-Up Approach เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการประเมินมูลค่าเพื่อการลงทุนระยะยาว ทำให้กองทุนที่ Templeton บริหารสามารถคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจและมีศักยภาพในการเติบโต และมีผลการดำเนินงานกองทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง
"ปัจจุบันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) กำลังเป็นที่จับตามองและยังคงเป็นที่สนใจในการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศผู้นำเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ เช่น บราซิล รัสเชีย อินเดีย และจีน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นกลุ่มประเทศหลักที่จะผลักดันเศรษฐกิจของโลก โดยในปีหน้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) น่าจะอยู่ที่ราว 9% ซึ่งเรามองว่าในจังหวะนี้ การเลือกลงทุนในหุ้นคุณภาพหรือมีความแข็งแกร่งในธุรกิจ และมีศักยภาพในการเติบโตจะสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นความถนัดของ Templeton Asset Management ในการค้นหาหุ้นคุณภาพเหล่านี้อยู่แล้ว" นางลดาวรรณ กล่าว
นางลดาวรรณ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (NAV) ไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันทำได้แล้ว 2.1 หมื่นล้านบาท โดยจะออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ประเภท FIF อายุ 6 เดือนอีก 1-2 กองทุน
ส่วน NAV ในปี 51 คาดว่าจะมีการก้าวกระโดดในระดับที่สูง ผลจากการออกพ.ร.บ.ประกันเงินฝาก และ FIF ในรูปแบบต่างๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ