นายณัฐชัย เจริญขจรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ. ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ) เปิดเผยว่า หลังจาก TWZ ประกาศขยายธุรกิจสายงานที่นอกเหนือจากธุรกิจโทรคมนาคม (None-Telecom) บริษัทมีความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) โดยปีนี้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายและให้บริการไปแล้ว 2 ฉบับ มูลค่าโครงการประมาณ 100 ล้านบาท และในปี 65 เตรียมลุยอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท
โครงการที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ โครงการรถเมล์ไฟฟ้าที่ลงนามสัญญา กับ บริษัท ออลซีซันส์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ใช้วิ่งเป็นรถ Shuttle Bus ของอาคารออล ซีซันส์ เพลซ และโรงแรมคอนราด กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิต จำนวน 2 คัน ซึ่งโครงการนี้ TWZ รับผิดชอบดูแลทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นตัวรถ การบำรุงรักษา พนักงานขับรถ สถานีจ่ายไฟ โดยมีสัญญาระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ปี 2564-2569 ขณะที่อีก 1 โครงการอยู่ในขั้นตอนรอส่งมอบรถจำนวน 26 คันภายในเดือนธันวาคมนี้
"ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับสัดส่วนรถยนต์ใช้น้ำมัน โดยมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วประเทศ แต่สัดส่วนการเติบโตจะเป็นไปตามเทรนด์การเติบโตของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีศักยภาพ โดยแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่หน่วยงานและองค์กรต่างๆ มีแนวคิดเรื่องการใช้พลังงานสะอาดเพื่อประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่าย
แม้ว่าค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาจะต่ำกว่า ทำให้การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง รถบัส รถขนส่งสินค้า แท๊กซี่ รวมทั้งบริการรถเช่าระยะสั้นที่มีการใช้งานสูง มีแนวโน้มได้ประโยชน์หรือคืนทุนจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วกว่า รวมถึงต้นทุนด้านแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และความต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะลดช่วยปัญหามลภาวะทางอากาศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของรถยนต์อีวีอย่างมีนัยสำคัญ" นายณัฐชัยกล่าว
ในส่วนของ TWZ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่น ได้แก่ รถบัสและรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อการขนส่งและการพาณิชย์ ซึ่งมีทั้งรถ 4 ล้อ และรถ 6 ล้อ โดยเป้าหมายในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะมุ่งเน้นการเจาะตลาดภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ เนื่องจากแต่ละบริษัทและองค์กรจะมีรูปแบบการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์การนำไปใช้ให้กับบริษัทหรือองค์กรเหล่านั้นได้ ขณะที่ TWZ มีศักยภาพสามารถออกแบบ ดัดแปลง จัดหาหรือสั่งทำรถไฟฟ้าตามความต้องการ สามารถตอบโจทย์ให้เข้ากับลักษณะการนำไปใช้งานของลูกค้าแต่ละองค์กรหรือบริษัทได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ TWZ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทที่ผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่ง ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถประกอบรถไฟฟ้า ปรับเปลี่ยนรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน ขณะที่คู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่งและการพาณิชย์ยังมีไม่มาก ทำให้ TWZ เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอยู่ในขณะนี้ รวมถึงยังมีประสบการณ์ในการขายและให้บริการเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับลูกค้าในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามความต้องการเพื่อตอบสนองพฤติกรรมการทำงานในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อีกด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม TWZ กล่าวด้วยว่า เป้าหมายในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ TWZ อยู่ที่การเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่งและการพาณิชย์ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ในรูปแบบซื้อขาดเพื่อใช้งาน หรือรูปแบบโครงการ ซึ่งคาดว่า สัดส่วนรายได้จากการให้บริการรถไฟฟ้าครบวงจรในอนาคตจะอยู่ที่ 15% ของสัดส่วนส่วนรายได้ทั้งหมดของ TWZ และจะเติบโตมากขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้ประกอบการในกลุ่มขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะแท๊กซี่ ซึ่งจะสอดคล้องแผนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการขนส่งที่ TWZ วางไว้ก่อนหน้านี้