นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/64 เชื่อว่าจะกลับมามีกำไรสุทธิ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) รวมถึงยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ส่วนใหญ่ ส่งผลให้บริษัทสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ประชาชนเริ่มเข้าใจและรับรู้ว่าโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังคงอยู่กับคนไทยต่อไปอีกในระยะข้างหน้า จึงลดความกังวลลง แต่หันมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการป้องกันการติดเชื้อมากกว่า ในขณะที่ช่วงไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว จึงคาดว่าจะมีลูกค้าเข้าใช้บริการในสาขาต่างๆ ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในประเทศโดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นี้ เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้จำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการในสาขาต่างๆ ของบริษัทมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันบริษัทได้เปิดให้บริการสาขาแล้วกว่า 80% ของสาขาที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งมีลูกค้าจากต่างประเทศเริ่มทยอยจองเพื่อเข้าใช้บริการมาแล้วอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าจากเกาหลีและรัสเซีย
นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์การขยายสาขาด้วยการร่วมกับกิจการโรงแรมต่างๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายในการเช่าและตกแต่งพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันผลขาดทุนส่วนใหญ่มาจากค่าเสื่อมของสาขาต่างๆ ที่ได้ขยายไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ได้บริหารจัดการเป็นอย่างดีและลดลงไปมากแล้ว
"ที่ผ่านมาเราได้มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆไปจำนวนมากแล้ว และเราได้หันมาให้บริการกับลูกค้าในประเทศเป็นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการให้บริการแบบนวดสปาแล้ว เรายังเป็นการให้บริการด้านสุขภาพที่คนเริ่มให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้เรายังเชื่อมั่นว่าหลังโควิดแล้วนักท่องเที่ยวยังไงก็กลับมาแน่นอน"นายวิบูลย์ กล่าว